เทพกระต่าย ศาลเจ้าทู่เอ๋อเมี่ยว
Nai Mu กรูรูสายมูผู้มีเรื่องเล่ามากมายใน God’s City จากเว็บต์ไซต์และเพจ Ticy City ยังคงเกาะเกี่ยวกระแส Pride Month 2025 เดือนแห่งความหลากหลายททางเพศ ซึ่งเรื่องเล่าของ Nai Mu เป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงที่จะสร้างการรับรู้ถึงความเป็นมาของชาวสีรุ้ง ที่ไม่ได้เพิ่งก่อเกิด แต่มีมาเนิ่นนานแล้ว

ครั้งนี้ Nai Mu จะพาสาวกสายมูและไม่มูทั้งหลายย้อนเวลากลับไปเมื่อ19 ปีที่แล้ว หรือ ช่วงเวลาประมาณ ค.ศ. 2006 ซึ่งตรงกับ พ.ศ. 2549 มีการสร้าง “ศาลเจ้าทู่เอ๋อเมี่ยว” เทพกระต่าย ในเขตหย่งเหอ เมืองไทเป ไต้หวัน โดยนักบวชลัทธิเต๋าชื่อ “ลู่เว่ยหมิง” วิหารเต๋าแห่งนี้ นอกจากจะต้อนรับ ‘ชาว LGBTQIAN+ สายมูชาวจีนที่นิยมไปกราบไหว้บูชาของพรกับเทพเจ้ากระต่าย “ทู่เอ๋อเสิน” ให้สมหวังในรักกับคนเพศเดียวกันแล้ว และหากแน่ใจที่จะใช้ชีวิตคู่ร่วมกับใครสักคน ศาลเจ้าแห่งนี้ก็มีบริการเสริมอื่นๆ เช่น จัดพิธีกรรม พร้อมจัดงานแต่งงานให้ด้วย เรียกว่า ครบจบที่เดียว!

เรื่องราวของ “หูเทียนเป่า” ต้นเรื่องของ “ศาลเทพกระต่าย ทูเอ๋อเสิน” ในมณฑลฝูเจี้ยน ปรากฏอยู่ในเอกสาร “จื้อปู้อวี่” (รวมเรื่องที่อาจารย์ไม่ได้สอน) ที่ “หยวนเหมย” บัณฑิตและกวี ซึ่งมีชีวิตในช่วง ค.ศ. 1716-1798 ได้เขียนเรื่องราวประเภทลี้ลับ เหนือธรรมชาติ ประเภทตำนานไว้ และเรื่องของเทพเจ้ากระต่าย มีชายชาวบ้านชื่อ ‘หูเทียนเป่า’ ! เป็นสารตั้งต้น และเป็นเรื่องหนึ่งที่ปรากฏในเอกสารนั้น

ผ่านเวลามาถึงถึงปัจจุบัน จากการศึกษาของ Michael Szonyi ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด พบว่า หยวนเหมยอาจจะสร้างหรือจินตนาการเรื่องนี้ขึ้นมาเองก็เป็นได้ ! เพราะเรื่องของหูเทียนเป่า เกิดในช่วงปลายราชวงศ์หมิง-ต้นราชวงศ์ชิง ไม่ปรากฏเรื่องเทพกระต่ายในวัฒนธรรมอื่นที่ใกล้เคียงกับฝูเจี้ยนเลย !
โดย “ศาลเจ้ากระต่าย ทูเอ๋อเสิน” เริ่มนับหนึ่งในมณฑลฝูเจี้ยน เป็นองค์อุปถัมภ์ของ “กลุ่มชายรักชาย” จนเมื่อ ค.ศ. 1765 จูกุย ข้าราชการที่มารับตำแหน่งในฝูเจี้ยนได้สั่งให้รื้อศาลเจ้ากระต่ายทิ้ง เพราะเรื่อง “ชายรักชาย” ถือเป็นลัทธินอกรีต สร้างความเสื่อมเสียทางศีลธรรม มอมเมาให้คนหลงใหลในกามคุณ ทำลายระบบครอบครัวที่มุ่งสร้างลูกชายให้เข้มแข็ง เป็นผู้นำครอบครัว ต่อมา การปกครองแบบสาธารณรัฐ ห้ามผู้ชายแสดงรสนิยมเบี่ยงไปจากรสนิยม “ชาย-หญิง” ดูง่ายๆ ซีรีส์ประเภทซีรีส์วาย จะถูกเซนเซอร์ บางเรื่องก็ถูกดองหลายปีมาแล้ว แต่มีเพียงวายของไต้หวันที่สามารถสร้างและเผยแพร่ได้


“ศาลเจ้าทู่เอ๋อเมี่ยว” ในวันนี้ คือ ประวัติศาสตร์ที่เพิ่งสร้างเมื่อ 19 ปีที่ผ่านมา โดยอิงปฐมบทเรื่องเล่าจาก “ศาลเทพกระต่าย ทูเอ๋อเสิน” มณฑลฝูเจี้ยนในอดีต
ส่วนต้นเรื่องมีว่า…
“หูเทียนเป่า” ชายหนุ่มบ้านๆคนหนึ่งไปตกหลุมรักขุนนางหนุ่มรูปร่างสง่างาม หน้าตาหล่อเหลาที่มารับตำแหน่งเป็น “ผู้ตรวจการ” ณ มณฑลฝูเจี้ยน ! (ฮกเกี้ยน) เมื่อเขามีรสนิยมเช่นนี้ จึงเกิดใจฟูทุกครั้งที่ได้เห็นใบหน้าและรูปร่างอันสง่างามด้วยกล้ามเนื้อของขุนนางหนุ่ม ความคลั่งไคล้ของเขาถึงขนาดอยากเห็นหน้าชายที่เขาตกหลุมรักทุกวินาที วันๆ หูเทียนเป่าไม่เป็นอันทำอะไร นอกจากเป็น FC ติดตามขุนนางหนุ่มไปทุกหนแห่ง ให้เขาอยู่ในสายตา ไม่เคยได้ใกล้ชิดกว่านั้น ไม่เคยพูดคุย แต่ก็มีความสุข นี่มัน “หลงรูปจูบลม” ชัดๆ ถ้าในยุคโชเชี่ยลมีเดียอย่างสังคมปัจจุบัน คงกดรัวหัวใจ ส่งดอกไม้ กันแบบไม่มียั้ง
กลิ่นสาปหนุ่มของขุนนางหนุ่มมันช่างหอมหวนรัญจวนใจหูเทียนเป่าซะจริงๆ เขาตามส่องท่านขุนนางทุกแห่งหน ! จนเย็นวันหนึ่ง ขุนนางหนุ่มรูปหล่อจับได้ว่า มีคนมาถ้ำมองเขาอาบน้ำชำระร่างกาย แหม ! มันจะมีอะไรที่ชัดเจนกว่านี้อีกเล่า ลองคิดดู ชายที่หลงรักมาเปลือยกายโชว์สัดส่วน เนื้อแน่นๆ กับซิกแพ็กที่รอนท้อง มันจะหฤหรรษ์สำหรับคนคลั่งรักเพียงไหน ? เดาว่า งานแจ่มขนาดนี้ สายตาจะเบิกโต ทะลุเบ้าขนาดไหน ? หูเทียนเป่า ตะลึงงัน อ้าปากค้าง ร้องว้าวเบาๆ ! งานดีแต่ดันซวย เมื่อขุนนางหนุ่มเห็นสายตาที่หูเทียนเป่าจ้องมองมาที่เรือนร่างตน! จึงเป็นเรื่อง ขุนนางหนุ่มตะโกนร้องเรียกลูกน้องมารุมกันจับตัวหูเทียนเป่าในทันที


หูเทียนเป่า คนหลงรูป อยากเก็บงำความชื่นชอบไว้เงียบๆ คนเดียว แค่เห็นขุนนางหนุ่มอยู่ในสายตาก็มีความสุขแล้ว ! แต่ขุนนางหนุ่มกลับคิดว่า ฝ่ายตรงข้าม ส่ง หูเทียนเป่า มาเป็นสายลับ สอดแนม และคุกคามชีวิต ต้องสอบเค้นหาความจริงให้ประจักษ์ ดังนั้น หูเทียนเป่า จึงต้องเผยรสนิยมทางเพศอย่างหลีกเลียงไม่ได้ !
ความลับ-ความรัก ที่ถูกเก็บงำไว้ในใจ ทำให้หูเทียนเป่าหรั่งพรูด้วยความอัดอั้น รำพึงรำพันถึงความรัก ความหลงใหล ความหล่อเหลา สง่างามของอีกฝ่าย ด้วยภาษากวี …
ความรักทำให้ทุกอย่างดูงดงามไปหมดแม้แต่คำพูด แต่คำพูดที่ลึกซึ้ง สร้างความอับอายให้กับขุนนางหนุ่มชายแท้ทั้งแท่ง! เหมือนการสบประมาทต่อวิถี กรอบ และกฎทางจารีตที่เขายึดมั่น ชีวิตเขาย่อยยับลง เพราะคำพูดนอกรีต ไร้ศีลธรรมของหูเทียนเป่า สายตาขุนนางหนุ่มลุกโชนด้วยความโกรธ สั่งโบยหูเทียนเป่าแบบไม่ยั้งมือจนถึงแก่ความตาย !
หลังสิ้นชีวิต วิญญาณของหูเทียนเป่าเดินทางไปยมโลก เพื่อรับโทษทัณฑ์ในความผิดที่ก่อไว้ !
ท่านยมบาลยึดสูตร “ค-ว-ย” – คิด วิเคราะห์ แยกแยะ ว่า เรื่องรักเพศเดียวกันของหูเทียนเป่า ! เป็นความชื่นชอบส่วนตัว มนุษย์ทุกคนย่อมผิดแผกแตกต่างกันไปในรายละเอียด ไม่มีทางที่มนุษย์จะเหมือนกันหมด โดยเฉพาะเรื่องรสนิยมทางเพศ ซึ่งแต่ละคนล้วนมีวิถีแตกต่างกันไป แม้แต่ชายจริง-หญิงแท้ แต่ละครอบครัวก็มีพฤติกรรมความชอบไม่เหมือนกัน !
ยมบาลได้ยินเรื่องราวหลงรักเพศเดียวกันของหูเทียนเป่า ก็ระบายยิ้มบนใบหน้า บอกว่า การที่หูเทียนเป่า หลงรักขุนนางหนุ่ม ไม่ใช่ความผิด เพราะไม่ได้ทำร้าย คุกคามเขา แม้ในโลกมนุษย์ที่อ้างกันว่า เป็นความผิด ก็เพียงจารีตที่ติดยึดและคิดเองว่าถูกเท่านั้นเอง แต่สำหรับยมโลก เรื่องการรักเพศเดียวกัน ไม่ถือเป็นความผิด !
ตายโดยปราศจากความผิด ปลอบใจยังไงดี !

ยมบาลเห็นใจ “หูเทียนเป่า” จึงมีบัญชาแต่งตั้งให้วิญญาณหูเทียนเป่า เป็นองค์อุปถัมภ์ดูแลกลุ่ม “ชายรักชาย” โดยใช้รูปลักษณ์ของ “เทพกระต่าย” เป็นสัญลักษณ์ แต่วิญญาณ “หูเทียนเป่า” ต้องหาใครสักคนที่เชื่อเรื่องนี้และสร้างศาลบูชา “เทพกระต่าย” ในโลก ดังนั้น หูเทียนเป่าจึงได้เข้าฝันเพื่อนสนิทคนหนึ่ง เดาว่า น่าจะเป็นเพื่อนสาว ! เล่าผลการตัดสินในยมโลกในฟัง และกำชับว่า ช่วยสร้างรูปและตั้งศาลให้ด้วย เพื่อวิญญาณเขาจะได้มีที่อยู่ ไม่ต้องเป็นวิญญาณเร่ร่อน และเขาจะช่วยเหลือชายรักชายให้สมปรารถนา
ศาลเทพเจ้ากระต่าย แห่งแรกจึงเกิดที่มณฑลฝูเจี้ยน และถูกทำลายลงโดย จูกุย ทั้งยังสิ้นไปจากเมืองจีนนับแต่นั้น จนมาสร้าง “ศาลเจ้าทู่เอ๋อเมี่ยว” เมื่อ 19 ปีที่แล้วในไต้หวัน !
นี่เป็นต้นเค้าของ “ศาลเทพกระต่าย ทูเอ๋อเสิน” ในเบื้องต้น
ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับ “ทูเอ๋อเสิน”
กระต่าย เป็นสัตว์มงคลของชาวจีน คล่องแคล่ว ว่องไว เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ อายุยืน เคยมีเรื่องเล่าว่า กระต่ายยอมสละชีวิตโดดเข้ากองไฟเพื่อปรุงยาอายุวัฒนะให้จักพรรดิหยก ทำให้ไปเกิดเป็นกระต่ายบนดวงจันทร์ และอย่างตำนานวันไหว้พระจันทร์ว่า เทวีฉางเอ๋ออุ้มกระต่ายลอยไปอยู่บนพระจันทร์ บนพระจันทร์มีนางกับกระต่ายเท่านั้น ! นอกจากนี้ กระต่ายยังคู่กับกับปักกิ่งมาหลายร้อยปี ในฐานะ “Lord Rabbit” สัญลักษณ์ของความสงบสุขและโชคดี !
เรื่อง : Nai Mu
Leave feedback about this