โลกพระศรีอาริย์
สำหรับ God’s City ในเว็บต์ไซต์และเพจ Ticy City ครั้งนี้ Nai Mu กรูรูสายมูผู้มีเรื่องเล่ามากมายซึ่งให้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน จะพาบรรดาสายมูและไม่มูทุกเพศ ทุกวัยทั้งหลาย ไปสู่โลกพระศรีอาริย์ ความหวังใหม่ บุรุษขี่ม้าขาว พระพุทธเจ้าในโลกหน้า และพระกัลกี ของฝ่ายฮินดู ในเทศกาลกัลกีชยันตี เพื่อความสุขใจ เพื่อความหวังที่ยังมาไม่ถึง
ด้วยภาพที่ Nai Mu รวมทั้งผู้คนในสังคมไทยและทั่วโลกพบเจอกับสังคมปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความเลวร้ายซึ่งมีให้เห็นเนืองๆ และนี่เองที่ทำให้บางคนอดคิดถึงเรื่องเล่า ผู้มาใหม่และผู้ช่วยให้รอดมีจริงไหม ?
Nai Mu เชื่อว่าคนไทยต้องเคยได้ยินเรื่อง “โลกพระศรีอาริย์” เมื่ออายุศาสนาของสมณโคดมสิ้นสุดลงในช่วง 5 พันปี พระศรีอาริย์คือ พระพุทธเจ้าในโลกหน้า ความหวังใหม่ ทุกความเชื่อทางศาสนา สร้างภาพจูงใจให้คนมีหวังกับโลกที่ยังมาไม่ถึงทั้งสิ้น เช่น พระศรีอริยเมตไตรย บนสวรรค์ชั้นดุสิต ในขณะที่ ฝ่ายมหายาน สร้างรูปลักษณ์พระภิกษุอ้วน ตัวแทนความอุดมสมบูรณ์ เรียก “พระศรีอริยเมตไตรย” พร้อมกำหนดกันว่าวันตรุษจีน ขึ้น 1 ค่ำเดือน 1 ทางจันทรคติจีนคือวันสมภพของท่าน และในทศอวตาร หรือนารายณ์ 10 ปาง ผู้สืบต่อจาก “พุทธาวตาร” ปางที่ 9 คือ “พระกัลกี” มีเทศกาล “กัลกีชยันตี 2025” ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 30 กรกฎาคม 2568

สำหรับคนไทยเรานั้นจะคุ้นกับคำไทยว่า “บุรุษขี่ม้าขาว” มากกว่า และท่านผู้นี้เป็น อวตารปางสุดท้ายของของพระวิษณุเทพ
โดยนารายณ์สิบปาง ทำให้เห็นถึงวิวัฒนการของโลก ซึ่งผ่านยุคและอวตารของพระวิษณุทั้ง 10 เช่น กฤตยุค : มีทั้งหมด 4 ปาง ได้แก่ มัสยวตาร-ปลา,กูรมาวตาร-เต่า,วราหาวตาร -หมูป่า, นรสิงหาวตาร- ครึ่งคน ครึ่งสิงห์
ไตรดายุค : มีทั้งหมด3 ปาง ได้แก่ วามน-คนแคระ, ปรศุราม, พระราม
ทวาปรยุค : มี1 ปาง คือ พระกฤษณะ
กลียุค : มี 1 ปาง คือ พระสมณโคดม

ก่อนสิ้นสุดกลียุคและเข้าสู่โลกใหม่ “พระกัลกีอวตาร” พระเป็นเจ้าองค์ใหม่ จะถือกำเนิดขึ้นเป็นปางที่ 10 ทศาวตารเรียก “กัลกยาวตาร”
ทั้งนี้ กลียุค เริ่มต้นเมื่อ “พระกฤษณะ” จากโลกนี้ไป จนเมื่อเวลาของกลียุคถึงสิ้นสุดลง และก่อนที่สัตยยุค หรือ กฤตยุค จะเริ่มต้นอีกครั้ง “พระกัลกี” จะปรากฏในโลก
ในอดีตนั้น มีเรื่องราวปรากฏของคนผู้นี้ ว่าเป็น “บุรุษขี่ม้าขาว” ซึ่งม้าขาวตัวนี้ชื่อ “เทวทัตต์” โดยเป็นม้าขาวที่พระศิวะผู้เป็นมอบให้ ม้าวิเศษตัวนี้สามารถและอาจเปลี่ยนแปลงเป็นพาหนะอื่นได้ตามความเหมาะสม (เป็นสัตว์ประเภทอื่น หรือตามยุคสมัย ตามสังคมที่เปลี่ยนไป)

พระกัลกี เรียนสรรพวิชาจากท่านปรศุราม ซึ่งมีอายุยืนยาวถึงยุคที่ 10 ในทศอวตาร พระปรศุรามคือนารายณ์อวตาร ปางที่ 6 เกิดมาเพื่อสังหารกษัตริย์ชั่ว นามว่า “กรรตวีรยะ” ซึ่งนอกจากเป็นอาจารย์แล้ว ยังทำหน้าที่ส่งมอบ “ดาบเพลิง” อันเป็นศาสตราวุธศักดิ์สิทธิ์ที่พระศิวะประทานให้พระกัลกี เพื่อสังหารกษัตริย์โจรชื่อ “พระกาลี” ฆ่าเหล่าคนพาล ทรราชย์ทั้งหลายที่กดขี่บีฑาประชาชน
ในด้านครอบครัว พระกัลกี สมรสกับพระชายา 2 พระองค์คือ ปัทมวดีเทวี (พระลักษมีอวตาร ) และ รามเทวี, โดยมีบุตรกับปัทมวดี 2 คน คือ จายา และวิชัย ส่วนลูกกับรามเทวีก็มี 2 คนเช่นกันคือ เมฆามาลา และ พระบาลหากะ สำหรับวิมานของพระกัลกีคือ “ชัมภลา” หรือซัมบาลา ซึ่งพระวิศวกรรมเป็นผู้เนรมิตเมืองนี้ให้
ส่วนพระกาลี คือ โจรที่ตั้งตัวเป็นกษัตริย์ ปกครอง เบียดเบียนบีฑาประชาราษฎร์ พระกาลีเป็นเหลนของอธรรม (ความไม่เหมาะสม) และมิจฉาชีพ (ความเท็จ), เป็นหลานชายของ คัมภะ (ความไร้สาระ) และมายา (ภาพลวงตา) ทั้งยังเป็นลูกชายของกโรธา (ความโกรธ) และฮินสา (ความรุนแรง) น้องสาวของพระกาลี ได้เป็นภรรยาของเขาเอง ข้อความแปลในวงเล็บล้วนแต่บ่งบอกถึงความเลวร้ายที่กำลังเกิดขึ้นในยุคสมัยของโจรผู้นี้

หลายปีก่อน เคยมีหนังไซไฟของอินเดียเรื่องหนึ่งชื่อ “Kalki 2898 AD” เป็นภาพยนตร์แนวไซไฟดิสโทเปียแอ็ก ชัน ที่สร้างแรงบันดาลใจจากคัมภีร์ฮินดูโดยใช้ตัวละครชื่อ “อัศวัตถามา” จาก มหากาพย์มหาภารตะ ต่อยอดสู่การสร้างภาพยนตร์
อัศวัตถามา เป็นหนึ่งใน 19 อวตารของพระศิวะ ในการทำสงครามที่กุรุเกษตร อัศวัตถามา อยู่ฝ่ายเการพที่ต่อสู้กับฝั่งปาณฑพ ความเลวร้ายที่สุดคือการใช้ศรพรหมเศียรฆ่าลูกในท้องของนางอุตตรา ชายาของอภิมันยุ พระกฤษณะจึงใช้จักรตัดมณีบนหน้าผากและสาปให้มีหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว เลือดไหลจากร่าง และไม่มีวันตาย มีชีวิตเป็นอมตะ เร่ร่อนไปในโลกเห็นความทุกข์ยากของมนุษย์ และความเสื่อมโทรมของโลกไร้ศีลธรรมในยุคกลียุค
หนังเติมไปว่า อัศวัตถามา จะไถ่บาปทั้งปวงได้ เมื่อทำหน้าที่ปกป้องแม่ของพระกัลกี ในปี ค.ศ. 2898 หรือ 6 พันปีหลังสงครามกุรุเกษตร โลกจะปกครองด้วยกษัตริย์เผด็จการ ในราชบัลลังก์คอมเพล็กซ์ ในยุคสมัยของความเจริญ … ที่เต็มไปด้วยอาวุธสังหาร และขีปนาวุธทั้งปวง
อันที่จริง เรื่องผู้มาใหม่นี้สามารถจินตนการได้ เพราะถ้ายังเป็นตำนานแบบเก่าๆ ก็เป็นแค่ ตำนาน จักรๆ วงศ์ๆ เรื่องผู้มาใหม่ของหนังเรื่องนี้ จึงสมจริงสมจังกับยุคสมัย และอาจจะเป็นไปได้
โลกตะวันตกมีความเชื่อในโลกอุดมคติ รู้จักและเรียกว่า “ยูโทเปีย” คนไทยนิยมเรียก โลกพระศรีอาริย์ , โลกอุดมคติฝ่ายพุทธมหายาน , วัชรยาน เรียก “ชัมบาลา” และเคยมีนวนิยายชื่อ Lost Horizon ของ James Hilton บอกเล่าถึงแดนลึกลับ ใต้หลังคาโลกแห่งหนึ่งชื่อ “แชงกรีลา” ซึ่งเคยเป็นหนังคลาสสิกในปี 1937 มาแล้ว
ชัมบาลา หรือ แชงกรีลา พบมากในวิถีการตีความของพุทธศาสนาวัชรยานและชาติทิเบต พูดถึง โลกแห่งความสงบสุข ทุกวันนี้ ยังมีฐานะเป็น “เมืองลึกลับ” ! ในตำนานเล่าขาน เพราะโลกอุดมคติแห่งนี้ยังไม่พบว่ามีอยู่จริง ! แดนนั้น มีกษัตริย์ผู้หนึ่งที่ปกครองเมืองนี้ ได้รับคำสั่งสอนจากพระศากยมุนีพุทธเจ้า ทรงปกครอง สั่งสอน ธรรมแก่ประชาราษฎร์ในอาณาจักร จนเป็นอริยบุคคลทั้งหมด บ้านเมืองสวยงาม สงบสุข ผู้คนอายุยืนยาว ไม่มีโรคติดต่อร้ายแรง ไม่มีสงคราม ไม่มีการเบียดเบียน ทุกคนมีความคิด ฝัน และความเท่าเทียมกัน


ชัมบาลาคือ โจทย์ที่ทำให้เกิดการคิดค้นการอยู่ร่วมกันของสังคมหนึ่ง ! การได้มาซึ่งดินแดนนั้น ทุกคนสามารถวาด หวัง และเริ่มลงมือกับมันได้ สามารถสร้างรอ พระกัลกี (นารายณ์อวตารที่ 10) , พระศรีอาริยเมตไตรย (พระพุทธเจ้าลำดับต่อไป) ได้ คือ ถ้าท่านเหล่านั้น ไม่มา “ธรรมชาติแห่งความเป็นพุทธะ” (ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน) ก็สามารถทำให้ทุกคนบรรลุ และเป็น “ผู้มาใหม่” ของสังคมในอุดมคติด้วยมือและสมองของเรา
เรื่อง : โดย Nai mu
Leave feedback about this