ในยุคที่การใช้ชีวิตในบ้านกลายเป็นจุดศูนย์กลางของไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เทรนด์การกลับเข้าครัวได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งในกลุ่มคนทำงาน คู่รักที่อาศัยในคอนโด และครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและการบริหารค่าใช้จ่าย การเปิดตัวของ Meyer Group (ไมย์เออร์ กรุ๊ป) ผู้นำด้านเครื่องครัวอันดับ TOP 2 ของโลก จึงได้รับความสนใจเป็นพิเศษ โดยครั้งนี้พวกเขาได้เปิดฐานการผลิตเครื่องครัวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และใหญ่ที่สุดในเครือ MEYER ทั่วโลก บนพื้นที่กว่า 103 ไร่ ณ นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นแหล่งผลิตนวัตกรรมเครื่องครัวที่ส่งออกกว่า 97% ไปยังตลาดสำคัญทั่วโลก
นายโจเซฟ โล ผู้จัดการทั่วไป และ ผู้อำนวยการ บริษัท ไมย์เออร์ อินดัสตรีส์ จำกัด และ บริษัท ไมเร็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ไมย์เออร์ กรุ๊ป เป็นผู้นำเทคโนโลยีเครื่องครัวและอุปกรณ์เบเกอรี่ระดับโลก มีความเชี่ยวชาญในทุกขั้นตอนตั้งแต่การออกแบบไปจนถึงการผลิตตามมาตรฐานสากล โรงงานในไทยซึ่งมีพื้นที่รวมกว่า 103 ไร่ใช้งบลงทุนด้านที่ดิน อาคาร เครื่องจักร และเทคโนโลยีรวมกว่า 7,000 ล้านบาท รองรับกำลังการผลิตมากกว่า 120,000 ชิ้นต่อวัน และ 97% ส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา แคนาดา เม็กซิโก โคลอมเบีย สหราชอาณาจักร ฮ่องกง ไต้หวัน จีน สิงคโปร์ ออสเตรเลีย และตะวันออกกลาง ทำรายได้กว่า 4,000 ล้านบาทในปี 2567 ส่วนตลาดภายในประเทศบริหารโดยไมเร็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ภายใต้แบรนด์ Meyer, Circulon, Essteele, Anolon และ Prestige
เขาย้ำถึงเป้าหมายของการเปิดโรงงานให้สื่อมวลชนเข้าชมในครั้งนี้ว่าเป็นส่วนสำคัญในการสร้างภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น และการสื่อสารตัวตนของแบรนด์ ผ่านแนวคิด “If you cook, you’re a chef.” ที่ตอกย้ำว่าทุกคนสามารถเป็นเชฟในแบบของตัวเองได้
ด้านการผลิต นายคมกฤษณ์ วงษ์กวีวัฒนกูล ผู้อำนวยการฝ่ายการผลิต อธิบายว่า โรงงานบนพื้นที่กว่า 103 ไร่แห่งนี้ถูกจัดวางระบบอย่างเป็นมาตรฐานสากล ตั้งแต่โซนออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงไลน์ผลิตเครื่องครัวสแตนเลส อะลูมิเนียม อะลูมิเนียมชุบแข็ง และไลน์เคลือบผิวลื่น โดยทุกกระบวนการถูกควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด เพื่อให้สินค้าแต่ละชิ้นได้มาตรฐานสูงสุดทั้งด้านความทนทานและความปลอดภัย
ด้วยความมุ่งมั่นด้านคุณภาพ ไมย์เออร์จึงคว้ารางวัลระดับโลกอย่างต่อเนื่อง อาทิ Excellence in Cookware จาก UK Excellence in Housewares Awards 2025 สำหรับ Circulon Scratch Defense Clad รวมถึงรางวัล Sustainability Product Quality Award จากผู้ค้าปลีกรายใหญ่ในไทย สะท้อนความพร้อมในการเดินหน้าสู่การผลิตแบบ Net Zero ตามแนวทาง Reduce GHG Emission, Reduce Waste to Landfill และ Corporate Social Responsibility (CSR) กิจกรรมเพื่อสังคม
ในด้านผลิตภัณฑ์ นายธนวัฒน์ อติชาติ ผู้จัดการฝ่ายผลิตและพัฒนา กล่าวว่า คอลเลกชัน Prestige Made to Last ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นตัวเลือกที่เข้าถึงง่ายสำหรับชีวิตคนรุ่นใหม่ โดยใช้สแตนเลสคุณภาพสูงทนรอยขีดข่วน ใช้ได้กับทุกเตารวมถึงเตาแม่เหล็กไฟฟ้า พื้นผิวสัมผัสอาหารไม่มีการเคลือบเพื่อความปลอดภัยสูงสุด มาพร้อมด้ามจับฟีนอลิคที่แข็งแรงและไม่ร้อนมือ รวมถึงอุปกรณ์ทำครัวและเบเกอรี่ที่ครบถ้วน ช่วยให้ประสบการณ์การทำอาหารสนุกและง่ายขึ้น
นายโจเซฟ โล กล่าวเสริมว่า การเปิดตัวแบรนด์ Prestige ในประเทศไทยโดยไมเร็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด มีเป้าหมายเจาะตลาด Mass มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท ด้วยคุณภาพระดับโลกในราคาเริ่มต้นหลักร้อย ครอบคลุมอุปกรณ์เกือบทุกประเภทในครัว ภายใต้กลยุทธ์ Branding & Communication ผ่านสื่อมวลชนและ Influencer การพัฒนาสินค้าจาก Consumer Insight พร้อมการสร้างประสบการณ์แบบ Omnichannel ผ่านทั้งห้างสรรพสินค้าและแพลตฟอร์มออนไลน์ รวมถึงแคมเปญ Collaboration ต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนยอดขาย
แม้สภาพเศรษฐกิจจะผันผวน แต่ Consumer Insight พบว่า คนไทยวัย 18–45 ปีที่อาศัยในคอนโดและบ้านพักมีแนวโน้มทำอาหารเองเพิ่มขึ้น 10–15% จากเหตุผลด้านสุขภาพ การประหยัดค่าใช้จ่าย และภาวะเศรษฐกิจที่คาดเดายาก สอดคล้องกับข้อมูล The1 Insight เดือนกันยายน 2025 ที่ระบุว่าผู้บริโภคกลับเข้าครัวมากขึ้น ทำให้บริษัทเชื่อว่าตลาดเครื่องครัวปี 2569 ยังมีโอกาสเติบโตอย่างน้อย 5%
ด้วยเหตุนี้ การมาของ Prestige : Made to Last ครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้แนวคิด “Everything for Your Kitchen : ครบทุกสิ่งเพื่อห้องครัวของคุณ” จึงไม่ใช่เพียงการเปิดตัวสินค้าใหม่ แต่คือการยกระดับ Home Cooking Lifestyle ให้คนไทยเข้าถึงเครื่องครัวคุณภาพระดับโลกได้ง่ายกว่าเดิม ทั้งในห้างและบนทุกช่องทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็น PotsandPans, Shopee, Lazada, TikTok Shop รวมถึงโชว์รูมไมย์เออร์
#PrestigeMadetoLast #meyerthai #MeyerCookware #ไมย์เออร์มายโมเมนต์
Leave feedback about this