ticycity.com Contents Culture God's City “ตั่วแปะ-หยี่แปะ” ยมทูตขาว-ดำ ใต้หล้าสงบสุข บังเกิดโชคลาภ
Culture God's City

“ตั่วแปะ-หยี่แปะ” ยมทูตขาว-ดำ ใต้หล้าสงบสุข บังเกิดโชคลาภ

ผู้ช่วยเฉพาะกิจเทศกาลเทกระจาด

ในวันนี้ !!!  God’s City โดย Nai Mu กรูรูสายมูผู้มีเรื่องเล่ามากมายจากเว็บต์ไซต์และเพจ Ticy City จะพาสายมูและไม่มูทุกเพศ ทุกวัย ไปต่อกันถึงเรื่องราวของเดือนนี้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเดือน “เปิดประตูนรก” กับสองดาวเด่น ผู้ช่วยเฉพาะกิจเทศกาลงานเทกระจาด “ตั่วแปะ-หยี่แปะ” ยมทูตขาว-ดำ ใต้หล้าสงบสุข บังเกิดโชคลาภ

อย่างที่ Nai Mu สาธยายไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งได้พูดถึง “ไต่ซือเอี๊ย” ผู้ควบคุมเหล่าผีไม่มีญาติ ผู้อดอยากหิวโหย ในช่วง “เทศกาลเทกระจาด” ให้เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วนั้น แต่..เทศกาลนี้ในบางแห่งอาจจะขนาบข้างด้วยยมทูตคู่ “ขาว-ดำ” ที่มารับจ๊อบ ในฐานะผู้ช่วยเฉพาะกิจ ! 

ซึ่งตามปกติยมทูตคู่นี้มีเรื่องราวและหน้าที่ประจำอยู่แล้ว  โดยท่านยมทูต ขาว-ดำ ทั้งสองนี้ เป็นนิทานชาวบ้านที่มีคนนับถือมาก มีหลายชื่อแล้วแต่เรียกกันไป ทั้งภาษาจีนแต้จิ๋วและจีนกลาง แต่สรุปชื่อเรียกกันง่ายๆ คือ 

ตั่วแปะ-หยี่แปะ จากหน่วยกู้ภัย มูลนิธิสรรพราเชนทร์ สมุทรสงคราม

ยมทูตขาว เรียก ตั่วแปะ ซึ่งหมายถึง ลุงใหญ่ หรือ  ฉิดเอี๋ย (ลุงเจ็ด) หรือ เทพไป๋อู่ฉาง – ตัวสูง ลิ้นแลบยาวออกมา มือถือพัด ใส่หมวกทรงสูง เขียนว่า ใต้หล้าสงบสุข

ยมทูตดำ เรียก หยี่แปะ ซึ่งก็หมายถึง ลุงสอง หรือ โป๊ยเอี๋ย (ลุงแปด)  หรือ เทพเฮยอู่ฉาง – ร่างเตี้ย ผิวสีดำ ถือป้ายที่เขียนข้อความว่า “ใครทำดีให้พร ใครทำชั่วต้องลงฑัณฑ์”  และโซ่ล่ามวิญญาณ  อีกทั้งบนหมวกของท่าน เขียนว่า ใครได้เห็นจะบังเกิดโชคลาภ ! 

ซึ่งนอกจากการเป็นยมทูตแล้ว ยังเชื่อกันว่า ท่านทั้งสองสามารถให้โชคให้ลาภได้เช่นกัน ดังคำกล่าวว่า “ขอฟ้าขอดินไม่ได้ ให้มาขอกับเรา” 

แนะนำตัวกันไปเรียบร้อย ต่อจากนี้เพื่ออรรถรสในการเล่าเรื่อง Nai Mu ขอเรียก ตั่วแปะ – หยี่แปะ ก็แล้วกัน !

นิทานพื้นบ้านเรื่องยมทูตคู่นี้ มีหลายตำนาน บ้างก็ว่าเป็นพี่น้องกัน , บ้างก็ว่าเป็นเพื่อนกัน คุณสมบัติของคนคู่นี้ คือ รักและสนิทสนมกันมาก เป็น “เพื่อนตาย” ที่หาได้ยากยิ่งในปัจจุบันนี้ ! 

โดยนิทานพื้นบ้านเรื่องแรกเล่ากันว่า ทั้งสองเป็นพี่น้องกัน 

ทั้งคู่เป็นคนชอบเล่นการพนันมาตั้งแต่วัยละอ่อนจนเข้าสู่วัยหนุ่มฉกรรจ์ พ่อแม่ตักเตือนอย่างไรก็ไม่เชื่อ จนเบื่อหน่าย และเอือมระอาลูกชายทั้ง 2 คนนี้เต็มทน  จึงตะเพิดไล่ออกจากบ้าน สองพี่น้องเลยมีชีวิตเป็นดั่งนกขมิ้น เที่ยวเร่ร่อนไปทั่ว ค่ำไหนนอนนั่น บางทีอาจจะเป็นเพราะทั้งคู่รักความอิสระ ไม่ชอบเคร่งครัดในกฎระเบียบใดๆ จนชีวิตถึงจุดอิ่มตัว จึงนั่งคุยกันว่า เราสองคนจะปล่อยให้ชีวิตไร้ค่าไปวันๆ คงไม่ได้แล้ว ต้องหาอะไรทำให้เป็นหลักแหล่ง !  ในที่สุด สองพี่น้องก็ได้งานเป็น “ผู้คุมเรือนจำ” บังเอิญว่า ทางการให้ทั้งสองพี่น้องคุมตัวนักโทษคนหนึ่งไปต่างเมือง  ก่อนจะออกเดินทางนักโทษผู้นั้นได้มาคร่ำครวญขอร้องกับ “หยี่แปะ” ว่า

วัดสมณานัมบริหาร (วัดญวน สะพานขาว)
ศาลเจ้าไต้ฮงกง พลับพลาไชย

“อาหยี่แปะ ขอความเมตตากรุณาให้อั้วได้กลับบ้านไปสั่งเสียเรื่องสำคัญสักหน่อยเถอะ สัญญาว่าจะไม่หนีไปไหนแล้ว  จะรีบกลับมารับโทษ ขอความกรุณาช่วยเหลือสักครั้ง จะเป็นพระคุณอย่างสูง” 

หยี่แปะเป็นคนขี้สงสาร จึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษาพี่ชาย ตั่วแปะว่า “เจ้าคิดหรือว่า เมื่อเขาไปแล้วจะกลับมาอีก” ! 

 หยี่แปะรับรองกับพี่ชายว่า เรื่องนี้ตนจะรับผิดชอบเอง หากนักโทษผู้นั้นไม่กลับมา ! 

ในที่สุดตั่วแปะก็อนุญาตตามที่น้องชายขอร้องและต้องการ  แต่นักโทษไปแล้ว ไปลับ หายเข้ากลีบเมฆ ไม่กลับมารายงานตัว เรื่องนี้ ตั่วแปะโทษตัวเองที่เป็นคนอนุญาต จนเกิดเรื่องขึ้น เพราะถ้าไม่อนุญาต เรื่องนักโทษหลบหนีคงไม่เกิดขึ้น และเพื่อที่จะให้น้องชายได้พ้นผิด จึงตัดสินใจแขวนคอตาย ! เมื่อน้องชายกลับมาพบศพพี่ชาย ห้อยโตงเตง หน้าซีด แลบลิ้นยาว ก็รู้สึกผิดที่เรื่องทั้งหมดตัวเองเป็นผู้ก่อแท้ๆ คิดแต่อยากจะช่วยให้นักโทษให้กลับบ้านด้วยมนุษยธรรม คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเหตุให้นักโทษหนีและพี่ชายต้องมาตาย จึงตัดสินใจ วิ่งชนกระแทกกำแพงถึงแก่ความตายตามพี่ชายไป 

แต่เมื่อชีวิตดับสูญวิญญาณของทั้งคู่เป็นผีเร่ร่อนอยู่ 7 วัน จนยมบาลเรียกมาไต่สวนรับโทษ ! เนื่องจากทั้งคู่ ทำหน้าที่โดยซื่อสัตย์ สุจริต เถรตรง แม้จะบกพร่องเรื่องการอนุญาตปล่อยตัวนักโทษอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ในเล่ห์เหลี่ยมกลโกง อย่างไรเสีย นักโทษผู้นั้น วันหนึ่งก็ต้องกลับมารับโทษในนรกอยู่ดี !

และเนื่องจากสองพี่น้องเคยเป็นผู้คุมในคุก ยมบาลจึงแต่งตั้งทั้งสองให้เป็น “ยมทูต” ทำหน้าที่รับดวงวิญาณผู้ตายมายังโลกแห่งความตายเพื่อพิจารณาโทษกับท่านยมบาล  ตั่วแปะ – ยมทูตขาว เป็น “เทพไป๋อู่ฉาง” (วันเกิดของท่านคือ วันที่ 18 เดือน 5 ทางจันทรคติจีน)  ทำหน้าที่ควบคุมวิญญาณผู้ประกอบกรรมดี มีศีลธรรมไปยังสวรรค์ , ส่วนหยี่แปะ ยมทูตดำ หน้าตาน่ากลัว  เป็น  “เทพเฮ่ยอู่ฉาง” (วันเกิดของท่านคือ วันที่ 2 เดือน 10 ทางจันทรคติจีน) ทำหน้าที่ควบคุมวิญญาณคนบาปลงมาลงนรกเพื่อชดใช้กรรม

สำหรับนรกของจีนมี 10 ขุมด้วยกัน  แต่ละขุมจะมียมบาล 1 องค์ 

มาต่อกันที่นิทานเรื่องที่สองว่า ทั้งสองเป็นเพื่อนกัน ! 

ตั่วแปะ ต้องโทษโดยไม่มีความผิด ถูกจับเข้าคุก ขณะที่หยี่แปะ ทำหน้าที่ผู้คุม ! และรู้เรื่องที่ตั่วแปะถูกปรักปรำ แต่ช่วยอะไรไม่ได้ ทั้งสองรักความยุติธรรม สนิทสนมกัน ในวันตรุษจีน ทางเรือนจำได้จัดเลี้ยงนักโทษทั้งหลายให้อิ่มหนำสำราญ ตั่วแปะไม่ได้ร่วมวงกินอาหารอย่างคนอื่น กลับมานั่งอยู่มุมหนึ่งในห้องขัง ทอดสายตาเศร้าสร้อยมองเพื่อนๆ กินอาหารกัน  หยี่แปะ ผู้คุมสังเกตเห็นอาการของเพื่อนรัก ก็เข้าไปไถ่ถาม… จึงรู้เหตุผลว่า เขาคิดถึงแม่ ! ในวันตรุษจีนเช่นนี้ เขาควรอยู่กับแม่ที่แก่ชรา สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง และร่วมกันกินข้าวประสาแม่-ลูก ว่าแล้ว ตั่วแปะก็ยิ่งเศร้าเสียใจ หยี่แปะได้ฟังเรื่องของเพื่อนก็รู้สึกเห็นใจ จึงคิดว่าจะช่วยเพื่อนสักครั้ง ! เพราะเพื่อนคนนี้ยังไงก็ไว้เนื้อเชื่อใจได้  แล้วก็สัญญาต่อกันว่า ให้กลับบ้านไปเยี่ยมแม่ได้ แต่ต้องกลับมาเรือนจำภายใน 7 วัน ตั่วแปะรับปากเป็นมั่นเหมาะ และกล่าวขอบคุณที่เพื่อนมีน้ำใจ

เมื่อตั่วแปะเดินทางมาถึงบ้าน กลับกลายเป็นได้มีโอกาสดูใจแม่เป็นครั้งสุดท้าย ! และเมื่อแม่ตาย ตั่วแปะก็ต้องจัดงานศพเป็นเวลา 7 วัน หลังจากนั้นก็รีบเร่งกลับไปยังเรือนจำ

ด้านหยี่แปะ เมื่อเวลาครบตามกำหนดเห็นว่าเพื่อนคงไม่มาตามที่ได้รับปากไว้แล้ว และตนคงถูกลงโทษตามระเบียบราชการ เพราะปล่อยตัวนักโทษไป … คิดแล้ว ก็ตัดสินใจ ดื่มยาพิษ ฆ่าตัวตาย ! ส่วนตั่วแปะเมื่อกลับมาถึงยังเรือนจำ เพื่อนก็สิ้นชีวิตไปแล้ว ศพของหยี่แปะนั้นพิษลามจนตัวดำทั้งตัว ตั่วแปะอเนจอนาถกับชะตาชีวิตของตนเอง ที่ต้องโทษโดยไม่มีความผิด , แม่เสียชีวิต และเพื่อนคนเดียวในชีวิตมาจากไปอีก ชีวิตไม่เหลือใคร  แล้วจะมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร ! ตั่วแปะคิดวนเวียนแต่เรื่องดังกล่าว คืนนั้นก็ตัดสินใจ แขวนคอตาย แลบลิ้นยาว ! 

ส่วนนิทานเรื่องที่สามนั้นเล่าต่อกันว่า ถึงความเป็นพี่น้อง 

ทั้งสองพี่น้องนัดพบกันที่ใต้สะพานแห่งหนึ่ง มีคำมั่นว่า ใครมาถึงก่อน  จะต้องรอจนกว่าอีกฝ่ายจะมา วันนั้น หยี่แปะมาถึงก่อน ก็รออยู่ที่ใต้สะพานนั้น ฝ่ายตั่วแปะ แม้จะเร่งเดินทาง แต่เป็นจังหวะที่มรสุมเข้า ฝนฟ้าตกกระหน่ำไม่ลืมหูลืมตา จึงกลับบ้านไปเอาร่มให้น้องชาย  ฝนตกหนักจนน้ำท่วม หยี่แปะก็ยังรออยู่ที่เดิมไม่ไปไหน เพราะกลัวว่า ถ้าไปที่อื่นแล้วพี่ชายจะหาตนไม่เจอ ยึดมั่นและรักษาคำพูด ระดับน้ำท่วมสูงขึ้นเพียงใดก็รออยู่ที่เดิมจนจมน้ำตาย เมื่อตั่วแปะมาเจอศพน้องชาย  จึงพากลับบ้านและผูกคอตายตาม 

จากนิทานที่เล่าขานกันมา ไม่ว่าทั้งคู่เป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง และเพื่อนร่วมโลกทั้งยามเป็นและยามตาย จะมีใครที่ศรัทธา ยึดมั่นในคำสัญญาที่มีต่อกัน ดังเช่นคนคู่นี้ ! 

ว่าแต่เรื่องเทพในสายนรก Nai Muยังมีอีกมาก ว่างๆ จะมาเล่าให้ฟัง และสัปดาห์หน้า มาต่อกันอีกสักหนึ่งเรื่อง เพื่อเป็นการปิดประตูนรกร่วมกัน ! 

เรื่อง : โดย  Nai Mu

Exit mobile version