ticycity.com Contents Culture God's City “เกียนฮันเกง”  ศาลเจ้าตระกูลสิมะเสถียรในชุมชนกุฎีจีน                
Culture God's City

“เกียนฮันเกง”  ศาลเจ้าตระกูลสิมะเสถียรในชุมชนกุฎีจีน                

“เจ้าแม่กวนอิม” ปางสมาธิ

วันนี้  Nai Mu กรูรูสายมูแห่ง God’s City  ผู้มีเรื่องเล่ามากมายจากเว็บต์ไซต์และเพจ Ticy Cityจะพาสายมูและไม่มูทุกเพศทุกวัย ไปชมศาลเจ้า “เกียนฮันเกง” ศาลเจ้าตระกูลสิมะเสถียรในชุมชนกุฎีจีน แถบย่านกุฎีจีน ซึ่งประดิษฐาน “เจ้าแม่กวนอิม” ปางสมาธิ เพื่อขอพรเป็นมงคลแห่งชีวิต

ศาลเจ้าแห่งนี้มีอายุราว 100 ปีเศษ หรือตั้งแต่ราวในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยเป็นศาลเจ้าภายใต้การดูแลของตระกูล “สิมะเสถียร”  และเมื่อปี พ.ศ. 2551 ศาลเจ้าแห่งนี้ได้รับรางวัลอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ เพราะฉะนั้นรับประกันด้านความสวยงาม และเข้มขลังอย่างโบราณ ! 

และติดๆ กัน คือ วัดกัลยาณมิตรวรวิหาร ซึ่งมี “หลวงพ่อโต” หรือที่คนจีนเรียก “หลวงพ่อซำปอกง” พระพุทธรูปปางมารวิชัย ซึ่งได้แบบอย่างการสร้างพระพุทธรูปจากวัดพนัญเชิง จังหวัดอยุธยา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานนาม “พระพุทธไตรรัตนนายก”  เช่นเดียวกับวัดพนัญเชิง

ทั้งนี้ชาวจีนที่ได้อาศัยในย่านกุฎีจีนมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนกลางเรื่อยมาจนถึงแผ่นดินกรุงธนบุรี สันนิษฐานว่า คนจีนซึ่งตามเสด็จพระเจ้าตากสินได้สร้างศาลเจ้า 2 แห่งนี้ไว้  คือ ศาลเจ้า  “โจวซือกง” และ “กวนอู” โดยศาลโจวซือกง เพื่อบูชา “พระหมอ” พระภิกษุในสมัยราชวงศ์ซ่ง ซึ่งมีความรู้ในเรื่องหลักธรรมและการแพทย์  ท่านได้ใช้วิชาความรู้เพื่อรักษาผู้ตกทุกข์ได้ยาก , ส่วนศาลอีกแห่ง คือ ศาลเจ้ากวนอู ขุนพลยุคสามก๊ก ซึ่งมีชื่อเสียงด้าน ซื่อสัตย์ กล้าหาญ คุณธรรม

เมื่อในยุครุ่งเรือง เคยมีภิกษุจีนพักอาศัยที่นี่ ชาวบ้านเรียกกันแบบง่ายๆ ว่า “กุฏิจีน” หรือต่อมาเป็น “กุฎีจีน” เฉกเช่นทุกวันนี้ ซึ่งเรื่องนี้สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพมีบันทึกไว้ว่า ชุมชนในย่านนี้ ประกอบด้วยคนหลายเชื้อชาติ เช่น ไทย จีน ฝรั่ง ญวน มอญ จึงรวมเอาหลายศาสนาเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น  พุทธ คริสต์ อิลสลาม คนไทยเชื้อสายโปรตุเกสอยู่กันที่บริเวณโบสถ์ซางตาครู้ส ทำขนม “กุฎีจีน” ขนมขึ้นชื่อ ขายมาแต่โบราณจนถึงทุกวันนี้ พื้นที่บริเวณกุฎีจีนกินพื้นที่ศาสนสถานสำคัญหลายแห่ง เช่น วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร (วัดประจำตระกูลบุนนาค) , วัดซางตาครู้ส (วัดกุฎีจีน) ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค , ศาลเจ้ากวนอิม เกียนอันเกง , วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร , มัสยิดบางหลวง เป็นต้น

 เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ย้ายเมืองหลวงจากฝั่งธนบุรีมายังฝั่งพระนคร คนจีนส่วนหนึ่งก็ได้ย้ายตาม ส่งผลให้ศาลเจ้าเดิมทั้ง 2 แห่ง ไม่มีคนบูชาเหมือนก่อน จนทิ้งร้าง ทรุดโทรมในที่สุด 

พระไตรรัตนนายก วัดกัลยาณมิตรวรวิหาร

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดปรานผู้สร้างวัดวาอารามเป็นอย่างมาก ช่วงนั้น พระยาราชสุภาวดี (โต กัลยาณมิตร) เจ้ากรมพระสุรัสวดีกลาง (ต่อมาเป็น เจ้าพระยานิกรบดินทร์) ได้อุทิศที่บ้านและซื้อที่เพิ่มเติมเพื่อสร้างวัดและพระในวิหาร ถวายเป็นพระอารามหลวง  พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ พระราชทานนามว่า “วัดกัลยาณมิตร” รัชกาลต่อมา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานพระนามพระประธานในวิหารว่า  “พระไตรรัตนนายก” 

ด้านตะวันออกของวัด ในส่วนที่ดินริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เคยเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าทั้ง 2 แห่งมาก่อน จนสมัยรัชกาลที่ 3  มีชาวฮกเกี้ยนจากเมืองเจียงจิวและจัวจิว มณฑลฮกเกี้ยน ซึ่งเป็นบรรพบุรษของสกุล “ตันติเวชกุล” (แซ่ตั้งหรือเฉิน)และ “สิมะเสถียร” (แซ่ซิ้มหรือซึม) เดินทางเข้ามายังสยามประเทศ และเดินทางมาไหว้ศาลทั้ง 2 แห่งนี้ แต่ก็ได้เห็นความทรุดโทรมที่ปล่อยทิ้งร้างยากแก่การซ่อมแซม จึงมีดำริว่าจะรื้อศาลทั้ง 2 แห่งแล้วสร้างใหม่ รวมเป็น “ศาลเดียว”  ทั้งยังบอกบุญไปยังญาติสนิทมิตรสหายที่อยู่ที่เมืองเจียงจิวและจัวจิว ให้ช่วยกันรวบรวมทุนทรัพย์ เพื่อมารื้อถอนและสร้างใหม่ จนสำเร็จในปี พ.ศ. 2391 เป็นรูปร่างดังที่เห็นในปัจจุบัน 

แต่กิมซิ้นของโจวซือกงและเทพเจ้ากวนอูของศาลเดิม ไม่ปรากฏว่าอยู่หรือโยกย้ายไปอยู่ที่ใด ศาลใหม่มีนามว่า “เกียนอันเกง” หรือ กวนอันเก๋ง หรือ เกียนอันเตง มีพระโพธิสัตว์แห่งความเมตตา  “กวนอิม” ปางสมาธิ เป็นองค์ประธาน 

เกียน หมายถึง ชาวฮกเกี้ยน (ศาลบรรพบุรุษของชาวฮกเกี้ยน) 

อัน หมายถึง ความสงบสุข ร่มเย็น 

เกง หมายถึง อาราม หรือ ศาสนสถาน

รวมความว่า สถานที่สร้างความสงบสุขแก่ผู้มากราบไหว้ ! โดยอัญเชิญ “พระโพธิสัตว์กวนอิมปางสมาธิ” สร้างจากไม้จันทร์หอม มาประดิษฐานเป็นประธาน ! 

สันนิษฐานว่า พระโพธิสัตว์กวนอิม องค์นี้ เดิมทีน่าจะประดิษฐานอยู่ที่ศาลเจ้าแซฮุนเต็ง มณฑลฝูเจี้ยน (ฮกเกี้ยน) เพราะในศาลเจ้าเกียนอันเกงนี้มีระฆังเก่าแก่อยู่ใบหนึ่ง จารึกด้วยอักษรจีน มีข้อความแปลไทยว่า “ระฆังใบนี้ผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมใจกันหล่อถวายเจ้าแม่กวนอิมที่แซฮุนเต็ง ปีตู้เซินแห่งรัชสมัยพระเจ้าจักรพรรดิเต้ากวง (แห่งราชวงศ์ชิง)” เทียบเท่ากับปี พ.ศ. 2391 รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว  

ในหนังสือ “ศาลเจ้า 100 ปี”  ของ กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้ระบุถึงรูปแบบทางสถาปัตยกรรม ดังนี้

“อาคารศาลเจ้าเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบ “หมิ่นหนาน” ที่นิยมในท้องถิ่นเดิมของชาวฮกเกี้ยน มีหลังคาซ้อนกัน 2 ชั้น แต่ละชั้นจะมีหน้าบันทรงสามเหลี่ยมหน้าจั่วหลังคาแอ่นโค้ง และมีกระเบื้องตัด บนผนังด้านหน้ามีการเจาะช่องหน้าต่างขนาบช่องประตูทางเข้าอาคาร โดยช่องหน้าต่างมีการประดับไม้ฉลุเป็นลายเมฆและลายพรรณพฤกษาที่ขดเป็นรูปมังกร รูปแบบดังกล่าวคลายคลึงกับงานตกแต่งช่องหน้าต่างของงานสถาปัตยกรรม แบบหมุนหนานที่เรียกว่า “ฉือหู่ซวง” 

นอกจากนี้ มีการก่อสร้างชุดเครื่องไม้เหนือผนังเพื่อทำหน้าที่ยึดโยงโครงสร้างอย่างโปร่งๆ ซึ่งนอกจากจะช่วยระบายอากาศแล้ว ยังทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมระหว่างโครงสร้างไม้รับน้ำหนักแบบ “ชาเหลียง” พร้อมทำหน้าที่รับหลังคาอีกทอดหนึ่งด้วย ลักษณะดังกล่าวเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของสถาปัตยกรรมหมิ่นหนาน ซึ่งจะพบเฉพาะในศาลเจ้าของชาวจีนฮกเกี้ยนเท่านั้น เช่น ศาลเจ้ากวนอู (สมเด็จเจ้าพระยา) เขตคลองสาน และศาลเจ้า โจวซื้อกิ่ง เขตสัมพันธวงศ์  ในขณะเดียวกัน การที่ผนังอาคารด้านหน้าบริเวณทางเข้า มีการออกแบบเป็นช่อง พร้อมเขียนภาพเล่าเรื่องประดับไว้ สะท้อนให้เห็นถึงการรับอิทธิพลของสถาปัตยกรรมแบบ “เฉาซ่าน” ของชาวจีนแต้จิ๋วบางส่วน

เทพเจ้าองค์ประธานของศาลเจ้าเกียนอันเกง คือ พระโพธิสัตว์กวนอิม โดยมี เจ้าแม่หม่าโจ้ว (เจ้าแม่ทับทิม , ราชินีสวรรค์ , เทพีแห่งท้องทะเล) และเจ้าพ่อกวนอู ประดิษฐานอยู่เคียงข้าง ปัจจุบัน ประชาชนนิยมบูชา และบนบานเจ้าแม่หม่าโจ้วเพื่อขอให้เรื่องที่ตนปรารถนาประสบผลสัมฤทธิ์ ซึ่งนอกจากบูชาด้วยผลไม้แล้ว ยังมีผู้นิยมแก้ด้วยการนำรูปเคารพเจ้าแม่หม่าโจ้วมาถวายอีกด้วย

สิ่งที่จัดว่าเป็นเอกลักษณ์สำคัญอย่างหนึ่งของศาลเจ้าเกียนอันเกง คือ ภาพจิตรกรรมเรื่องสามก๊กบนผนังภายในอาคารประธาน ซึ่งบ่งบอกถึงฝีมือเชิงช่างอันทรงคุณค่าของชาวฮกเกี้ยนอย่างยิ่ง โดยแต่ละภาพมีการจารึกอักษรภาษาจีนเพื่อระบุนามและบ้านเดิมของผู้ให้อุปถัมภ์ เช่น เมืองผิงลิน เมืองจินเหมิน อันเป็นหลักฐานที่สนับสนุนว่า ศาลเจ้าแห่งนี้ได้รับการอุปถัมภ์จากชาวจีนฮกเกี้ยนอย่างเด่นชัด” 

ไม่ว่าจะเป็นวันไหนๆ  ผู้คนมักมากราบไหว้ หลวงพ่อโต วัดกัลยาณมิตรวรวิหาร สักการะพระโพธิสัตว์กวนอิม , เจ้าแม่ทับทิม, เจ้าพ่อกวนอู ณ ศาลเจ้าเกียนฮันเกง โดยสม่ำเสมอ และจะมากเป็นพิเศษในช่วงตรุษจีน ! 

เรื่อง : Nai Mu

ภาพประกอบจาก : https://www.facebook.com/KianUnKengShrine/

Exit mobile version