ที่โรงแรม ดิ แอทธินีฯ
‘แบล เลป้อก’ (Bell Époque) แปลว่า ยุคสวยงาม เป็นคำศัพท์ที่ใช้เรียกยุคสมัยหนึ่งในยุโรปและฝรั่งเศส ช่วงปี ค.ศ.1871-80 จนถึงจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 1 (ค.ศ.1914) มาอยู่ใน ‘บุฟเฟ่ต์’ ซันเดย์บรันช์
คำนี้นิยามโดยชาวฝรั่งเศส หมายถึงยุคทอง สังคมมองโลกในแง่ดี เศรษฐกิจดี
นักประวัติศาสตร์ระบุว่า ยุคทองของสหราชอาณาจักรก็มีเหมือนกัน ตรงกับสมัยกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 7 เมื่อกษัตริย์หนุ่มขึ้นครองราชย์ ด้วยนิสัยส่วนพระองค์ชอบศิลปะ ท่องเที่ยว แฟชั่น สังคมยุคนั้นจึงผ่อนคลายกฎระเบียบแบบแผนลงจากที่เคยเป็นในสมัยยุควิคทอเรีย
จนเกิดคำว่า Edwardian Style หรือแฟชั่นยุคเอ็ดเวิร์ด (ค.ศ.1900-1909) เสื้อผ้าผู้หญิงสวมใส่สบายตัวมากขึ้น แม้จะเน้นรูปทรง S แต่ก็ไม่รัดจนเอวเล็กเกินจริง กระโปรงไม่ฟูบานใส่โครงเหล็กไว้ข้างในเหมือนยุควิคทอเรีย อะไร ๆ ก็ดูผ่อนคลายขึ้น
ส่วน บรันช์ (brunch) มาจาก breakfast + lunch มื้อเช้า+มื้อกลางวัน คำนี้เกิดขึ้นที่อังกฤษ เมื่อปี ค.ศ.1895 หมายถึง อาหารมื้อสาย กินควบมื้อเช้ากับมื้อกลางวัน ไม่นานนักก็ได้รับความนิยมในอเมริกา ยุค 1930s มักให้บริการในโรงแรมในวันเสาร์-อาทิตย์ และจัดอาหารหลากหลายพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ห้องอาหาร เรนทรี คาเฟ่ โรงแรมดิ แอทธินี อะ ลักซ์ชัวรี คอลเล็คชั่น แนะนำ ซันเดย์บรันช์ โฉมใหม่ จำลองช่วงเวลา แบล เลป้อก หรือยุครุ่งเรืองระหว่างยุโรปและสยามประเทศ ในบรรยากาศที่ชวนให้นึกถึงยุคอันสวยงามรุ่งเรืองในช่วงเปลี่ยนศตวรรษที่ 20 ผสมผสานความมั่งคั่งของยุโรปเข้ากับความเงียบสงบและความงดงามแห่งสยามประเทศ
เรื่องราวของยุคแบล เลป้อก เชื่อมโยงกับสถานที่ตั้งของโรงแรม ดิ แอทธินีฯ ซึ่งเดิมเป็นวังคันธวาส วังที่ประทับของเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร ผู้ทรงเป็นที่เลื่องลือในเรื่องความทันสมัยในยุคนั้น โดย บุฟเฟ่ต์ ซันเดย์บรันช์ แบล เลป้อก ได้แรงบันดาลใจมาจากอาหารรสชาติหลากหลายทั่วโลก และจำลองบรรยากาศแห่งยุครุ่งเรืองนั่นมาไว้ที่ห้องอาหาร พนักงานจะสวมชุดไทยสมัยรัชกาลที่ 5 อันสวยงาม มีดนตรีสดบรรเลงให้ฟังอย่างเพลิดเพลินตลอดมื้ออาหาร
เมนูใน บุฟเฟ่ต์ แบล เลป้อก มีอาทิ หอยนางรม จีราโด (Gillardeau), ฟิน ดิ แคลร์ (Fine de Claire) และ นอร์ม็องดี (Normandy) สด ๆ จากฝรั่งเศส, เซวิเช่จากอเมริกาใต้, อาหารทะเลแช่เย็น เช่น ปูยักษ์, กุ้ง, กั้ง, ปลาหมึกยักษ์ และหอยแมลงภู่บนน้ำแข็งรมควัน
อาหารญี่ปุ่น และพิซซ่าสไตล์โรมัน พร้อมอาร์ติโช้คและทรัฟเฟิล คาร์ฟวิ่งสเตชั่น ที่มีพนักงานบริการหั่น หรือแล่ปลาเก๋าทั้งตัวย่าง และซี่โครงเนื้อ ล็อบสเตอร์จากรัฐเมนย่างสด อาหารอินเดียนานาชนิด เม็กซิกันทาโก้ อาหารนานาชาติจานร้อน และอาหารไทยตำรับดั้งเดิม
ไฮไลท์เช่น เมนูเด่นจากห้องอาหารทั้ง 4 แห่ง ของโรงแรมฯ ได้แก่
เชฟมนตรีแห่ง เดอะ เฮาส์ ออฟ สมูท เคอร์รี่ (The House of Smooth Curry) นำเสนอแกงเขียวหวานกุ้ง แกงแดงเป็ด และแกงมัสมั่นแก้มวัวตุ๋น
เชฟกั๊ม จาก The Silk Road นำเป็ดปักกิ่งแบบดั้งเดิม หมูแดง หมูกรอบ และติ่มซำโฮมเมด
เชฟอัลวิน จาก Kintsugi Bangkok by Jeff Ramsey เตรียมซึคุเนะ (ไก่ย่างถ่านแบบญี่ปุ่น) มาให้ชิมไม่อั้น
เชฟเรมี่ จาก The Allium Bangkok นำเสนอเทอรีนหมูสไตล์คันทรี่ เทอรีนฟัวกราส์ และชีสทรัฟเฟิลดำเรอโบลชง (Reblochon)
ยังมีสเตชั่นขนมอบต่าง ๆ ช็อกโกแลตฟองดู เค้กนานาชนิด ของหวานไทยและข้าวเหนียวมะม่วง
แบล เลป้อก ซันเดย์ บรันช์ บริการทุกวันอาทิตย์ที่เรนทรี คาเฟ่ เวลา 12.00 – 15.00 น. ราคา 2,800++ บาทต่อท่าน เด็กอายุ 6-11 ปี 1,400++บาท
สามารถเลือกจับคู่กับแพ็กเกจเครื่องดื่ม ระหว่างแชมเปญแพ็กเกจ ราคา 2,600++บาท ต่อท่าน รวมแชมเปญ ไวน์ เบียร์ ค็อกเทล และสุรา หรือแพ็กเกจมาตรฐานไม่รวมแชมเปญ ราคา 1,300++ บาท ต่อท่าน
สำรองที่นั่ง โทร.02 650 8800, อีเมล : fb.theathenee@luxurycollection.com, เว็บไซต์ www.raintreecafebangkok.com