ticycity.com Contents Culture God's City พระเจ้าพรหม “มหาราชองค์แรก” บน The Berkeley Hotel
Culture God's City

พระเจ้าพรหม “มหาราชองค์แรก” บน The Berkeley Hotel

ประวัติศาสต์

ผลไม้และดอกไม้บูชา

วันนี้ Nai Mu กรูรูสายมูผู้มีเรื่องเล่ามากมายใน God’s City จากเว็บต์ไซต์และเพจ Ticy City ขอสลัดชุดลำลองที่เหมาะกับการเดินลัดเลาะตรอก ซอก ซอย มาแต่งตัวให้สุภาพเรียบร้อยสักหน่อย  เสื้อผ้า หน้า ผม จัดเต็ม ไม่มีใครว่าแน่นอน  ก็เพราะวันนี้ Nai Mu เตั้งใจพาสายมูและไม่มูมาหลบร้อน หนีความวุ่นวายของผู้คน สู่ Luxury แดนสงบ และเย็นสบายในโรงแรมหรู เพื่อมาขอพรพระเจ้าพรหม “มหาราชองค์แรก” บน The Berkeley Hotel Pratunam

และขอแนะว่า ควรซื้อดอกไม้สวยๆ ติดไม้ติดมือมาสักพวง หรือจะเพิ่มเติมด้วย ผลไม้ และหมากพลูก็ได้ เนื่องจากทางโรงแรมไม่มีบริการในส่วนนี้ ซึ่งข้อห้ามคือ ห้ามจุดธูป-เทียน  โดยห้องส่วนพระองค์นี้เงียบ และหากต้องการใช้เวลาสงบสยบความเคลื่อนไหว ด้วยการนั่งสมาธิฟื้นฟูพลังชีวิต ที่นี่ตอบโจทย์แน่ๆ  …. 

โดยเมื่อถึงล็อบบี้ The Berkeley Hotel Pratunam ประตูน้ำ สอบถามเจ้าหน้าที่ว่าลิฟท์ตั้งอยู่ตรงไหน แล้วกดลิฟท์สู่ชั้น 11 เพื่อมาขอพรกับ “พระเจ้าพรหมมหาราช”  มหาราชพระองค์แรกของไทย 

หน้าห้องพระเจ้าพรหมมหาราช
พระเจ้าพรหมมหาราช

“พระเจ้าพรหม” พระองค์นี้คือบรรพบุรุษของพระเจ้าอู่ทอง ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ซึ่งที่นี่คือราชานุสาวรีย์แห่งเดียวในกรุงเทพมหานคร  แม้ในปัจจุบันจะมีราชานุสาวรีย์ของพระองค์ท่านหลายแห่งในต่างจังหวัดก็ตาม

สำหรับราชานุสาวรีย์ของพระองค์ท่าน ณ สถานที่นี้ มีรูปพระวรกายสีทองอร่าม ทรงยืน หัตถ์หนึ่งถือดาบ หัตถ์หนึ่งถือคันธนู ภายในห้องตกแต่งด้วยข้าวของ เครื่องใช้ เครื่องบูชาอย่างล้านนา  โดยคนส่วนใหญ่มักจะมาขอพรในเรื่อง “ความสำเร็จในหน้าที่การงาน ทั้งราชการและพนักงานเอกชน รวมถึงการเอาชนะอริราชศัตรูและคู่แข่งทางธุรกิจ” ! 

ประวัติศาสตร์แบบเรียนของไทย  เริ่มนับกษัตริย์สุโขทัย  พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ในลำดับที่ 1 ทำให้วีรบุรุษ – สตรี ก่อนหน้านี้เป็นเพียงบุคคลใน “ตำนาน” ดังเช่น พระเจ้าพรหมมหาราช วีรบุรุษของแคว้นโยนก ซึ่งนักวิชาการบางกลุ่ม บางคนลงความเห็นว่า พระเจ้าพรหมมหาราช คือ “กษัตริย์ในบรรพกาล” ไม่น่าจะมีตัวตนในประวัติศาสตร์ แต่ในสมัยอยุธยา ชนชั้นผู้นำกลับมีความเชื่อกันตามความทรงจำที่เล่ากันสืบมาว่า พระเจ้าพรหมเป็นบรรพบุรุษของพระเจ้าอู่ทอง ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา! 

พระเจ้าพรหม วีรบุรุษในตำนานเวียงพางคำ บริเวณโยนก
(จากจินตนาการของ “ปิยะดา” พิมพ์ครั้ง แรกในศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2547)

คำว่า “มหาราช” ส่วนใหญ่จะได้รับการยกย่องภายหลังจากพระองค์นั้นๆ สวรรคตไปแล้ว ยกเว้นพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์  

ทายาทของพระเจ้าพรหม คือ พระเจ้าไชยศิริ (ชัยศิริ)  และพระเจ้าอู่ทอง คือ โอรสของพระเจ้าไชยศิริ บ้างว่าเป็นราชบุตรเขย ! 

ในพงศาวดาร กรุงศรีอยุธยา ฉบับวัน วลิต ที่บันทึกโดย เยเรเมีส ฟาน ฟลีต พ่อค้าชาวฮอลันดา ว่า “มีพราหมณ์ผู้หนึ่งชื่อ พรหมเทพ เป็นผู้สร้างอาณาจักรสยาม เป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์แรก…” 

พระองค์ทรงครองเมือง “เวียงพางคำ” หรือ  อำเภอแม่สาย ในปัจจุบัน  ดังนั้น  ชาวเมืองแม่สายจึงเคารพนับถือในฐานะเทพอารักษ์  บรรพบุรุษของชาวเมือง และจะมีงานบวงสรวงใหญ่ประจำปีในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ของทุกปี 

วัดพระเจ้าพรหมมหาราช (วัดป่าไม้แดง) อ. ชัยปราการ เชียงใหม่

พระเจ้าพรหมมหาราช คือใคร ? 

พระเจ้าพรหมมหาราช, พระองค์พรหมราช , พรหมกุมาร เป็นพระโอรสองค์ที่ 2 ของกษัตริย์พังคราชและพระนางเทวี มีโอรสองค์โต ชื่อ ทุกขิตะกุมาร สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงนัก  สำหรับพระพังคราชเป็นกษัตริย์ราชวงศ์สิงหนวัติ แต่เดิมครองเมืองโยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแส่น ได้เสียเมืองให้ฝ่ายขอม จึงถูกขับไปอยู่ที่ “บ้านเวียงสี่ทวง” (ทวง=ตวง)  ต้องส่งส่วยให้ขอมดำเป็นทองคำปีละ 4 ตวง จึงได้ชื่อว่า “เวียงสี่ตวง” ปัจจุบันคือ “บ้านเวียงแก้ว” อันเป็นพื้นที่ตั้งของพระธาตุเวียงแก้ว จังหวัดเชียงราย อันเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของครูบาบุญชุ่ม

วันหนึ่ง… สามเณรองค์หนึ่งซึ่งเป็นชาวเมืองสี่ทวง เดินบิณฑบาตรเข้าไปยังโยนกนครไชยบุรี ซึ่งเป็นดินแดนของฝ่ายขอมดำ  พระยาขอมถามว่า มาจากไหน?  เณรว่า มาจากเมืองสี่ทวง พระยาขอมโกรธมาก เหยียดหยันเรียกพวกทาส แล้วขับไล่ออกจากเมืองทันที 

เณรผู้นั้นแบกเอาความอัปยศ อดสู ที่บ้านเมืองเป็นทาสขอม เดินขึ้นไปยังพระธาตุดอยกู่แก้ว ถวายอาหารในบาตรบูชาพระธาตุ พร้อมอธิษฐานว่า ขอให้ได้เกิดเป็นลูกชายของกษัตริย์พังคะ และจะปราบพวกขอมให้สิ้นซาก แล้วไปนั่งที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ อดอาหารตลอด 7 วันจนสิ้นชีวิต แล้วไปเกิดเป็น “พรหมกุมาร” 

เมื่ออายุ 7 ปี เล่าเรียนในเพลงอาวุธ ตำราพิชัยสงคราม  ,พออายุได้ 13 ปีก็ฝันว่า มีเทพยดามาบอกว่า มีช้าง 3 เชือกล่องมาตามลำน้ำโขงมา กำกับคำทำนายว่า หากจับได้ช้างเชือกแรก จะมีอานุภาพได้เป็นใหญ่ใน 4 ทวีป , จับช้างเชือกที่ 2 ได้ จะได้ครองแคว้นชมพูทวีป และเชือกที่ 3 จะปราบพวกขอมดำได้ !

รุ่งขึ้น พรหมกุมาร จึงไปที่ลำน้ำโขงไม่เจอช้าง กลับเจองูขนาดใหญ่ล่องมาตามลำน้ำ  ตัวที่หนึ่งและสองผ่านไป พอตัวที่สามล่องมา พรหมกุมารพร้อมบริวารทั้ง 50 คน ก็ลงมือจับงูตัวนั้น พอจับได้แล้ว งูตัวนั้นก็แสดงอิทธิฤทธิ์กลายร่างเป็นช้าง แต่ไม่ยอมขึ้นฝั่ง โหรหลวงแนะพระเจ้าพังคราชให้ใช้ทอง 20 ตำลึงมาตีเป็นพาง (ระฆังหรือกระดิ่งผูกคอช้าง) ทรงให้ทุกขิตะกุมารนำพางไปให้น้องชาย เมื่อพรหมกุมารตีพางจนเกิดเสียง ช้างก็ตามเสด็จ จึงเรียก “ช้างเผือกพางคำ”  

ราชานุสาวรีย์ที่แม่สาย จ. เชียงราย
พระประวัติโดยย่อ

พรหมกุมารได้ตั้งเมืองเวียงพางคำ หรือแม่สายในปัจจุบัน พร้อมซ่องสุมกำลังอยู่ที่นั่น จนได้เวลาจึงกวาดล้างขอมจนหมดสิ้น ประกาศความเป็นไทในปี พ.ศ. 1497 ซึ่งสมรภูมิดุเดือดมาก ร้อนถึงพระอินทร์ที่เกรงว่าขอมจะสูญพันธุ์ จึงขอให้พระวิษณุกรรม ไปเนรมิตกำแพงสูงกั้นกำลังของพระเจ้าพรหมไว้ ไม่ให้ฆ่าขอมได้อีก จึงเรียกต่อมาว่า “กำแพงเพชร”  

หลังเสร็จศึก ชิงเมืองโยนกนครไชยบุรีราชธานีศรีช้างแส่นกลับคืนให้พระบิดา พรหมกุมารเดินทางกลับเวียงพางคำ เมื่อลงจากหลังช้าง ช้างนั้นก็เดินออกจากเมืองกลายเป็นงู เลื้อยหายเข้าไปที่ดอยแห่งหนึ่ง เรียกภายหลังว่า ดอยช้างงู  

พรหมกุมาร ไม่รับตำแหน่งพระอุปราชตามที่พระราชบิดามอบให้ แต่กลับมอบตำแหน่งนี้ให้พี่ชายแทน กษัตริย์พังคราชจึงได้สูขอ พระนางแก้วสุภา ลูกพญาเรือนแก้ว เจ้าเมืองไชยนารายณ์เมืองมูลให้กับโอรสองค์รอง พระองค์โปรดให้สร้างและตั้งราชธานีใหม่ คือ เมืองไชยปราการ และทรงครองราชย์นานถึง 77 พรรษาจึงสวรรคต พระองค์สิริไชย พระราชโอรสขึ้นครองราชสมบัติต่อ และให้กำเนิด พระเจ้าอู่ทอง (บ้างว่าเป็นบุตรเขย) ต่อมา 

พระคาถา

พระคาถา ประจำพระองค์คือ  “จะพะกะสะ จะนะพาโร พะสังปิโตนัง กะมังอิธิตัง กะเมราพะ จะพะกะสะราพานิมิตตัง ยะมังสิธิตัง ยะกูชนะไพ สะกะพะจะ สาธุ สาธุ สาธุ มะยัมมะทันตา” 

นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย
เป็นประธานประกอบพิธีบวงสรวงพระเจ้าพรหม มหาราช ประจำปี 2568
ณ พระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าพรหมมหาราช
ที่ว่าการอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
พิธีบวงสรวงพระเจ้าพรหมมหาราช ประจำปี 2568
พิธีบวงสรวงพระเจ้าพรหมมหาราช ประจำปี 2568

ราชานุสาวรีย์ของพระเจ้าพรหมมหาราช มีอยู่หลายแห่ง ที่สามารถแวะเวียนไปบูชาได้  เช่น อำเภอแม่สาย  จังหวัดเชียงราย , วัดจันทาราม (วัดท่าซุง) จังหวัดอุทัยธานี, วัดพระเจ้าพรหมมหาราช (วัดป่าไม้แดง) อำเภอชัยปราการ จังหวัดเชียงใหม่ . และที่กรุงเทพฯ ซึ่งสวยและงดงามมาก อยู่บนชั้น 11 ของ The Berkeley Hotel Pratunam ย่านประตูน้ำนี่เอง สามารถเข้ากราบขอพรได้ตั้งแต่เวลา 06.30 – 18.00 น. 

Nai Mu ชี้พิกัดให้แล้ว สายมูและไม่มูก็อย่าลืมปักหมุดเป็นหนึ่งในสถาที่ห้ามพลาดละกัน

เรื่อง : Nai Mu

Exit mobile version