เสาหลักเมือง
อิงกระแสคลั่งชาติ..อุ๊บ..รักชาติสักนิด Nai Mu กรูรูสายมูผู้มีเรื่องเล่ามากมายใน God’s City จากเว็บต์ไซต์และเพจ Ticy City เลยถือโอกาสพาไปทำความรู้จักกับ เทวดารักษากรุง “รัตนโกสินทร์” ในศาลเทพารักษ์ ของ “ศาลหลักเมือง กรุงเทพมหานคร” นอกจากได้กราบสักการะเสาหลักเมือง แล้วยังจะได้กราบสักการะกลุ่มเทวดาทั้ง 5 อีกด้วย
กรุงเทพฯ เมืองพระอินทร์ เชื่อว่ามี “ผีเมือง” รักษา ! “เสาหลักเมือง” นั้นสัมพันธ์แนบแน่นกับดวงกรุงเทพมหานครและราชวงศ์จักรี และกลุ่มเทวดาทั้ง 5 นี้มี “เทวรูป” ในศาลเทพารักษ์ ได้แก่ พระเสื้อเมือง, พระทรงเมือง, พระกาฬไชยศรี, เจ้าพ่อเจตคุปต์ , เจ้าพ่อหอกลอง


ทั้งนี้เทวดากลุ่มนี้มีมาตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ส่วน “พระสยามเทวาธิราช” หัวหน้าเทวดาประจำกรุงสยามนั้น ปรากฏครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยทั้งหมดเป็นเทวดาผู้รักษาและคุ้มครองกรุงรัตนโกสินทร์ทั้งสิ้น !
“เรานี้เกิดมาในชาติหนึ่ง ควรคำนึงถึงชาติ ศาสนา ไม่ควรให้เสียทีที่เกิดมา ในหมู่ประชาชาวไทย แม้ใครตั้งใจรักตัว จะมัวนอนนิ่งอยู่ไฉน ควรจะร้อนอกร้อนใจ เพื่อความพรั่งพร้อมทั่วตน ชาติใดไร้รักสมัครสมาน จะทำการสิ่งใดก็ไร้ผล แม้ชาติย่อยยับอับจน ประชาจะสุขอยู่อย่างไร” (คำร้องบทพระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ชื่อเพลง “ไร้รักไร้ผล” วงสุนทราภรณ์ เพลงประกอบละครเรื่อง “ท้าวแสนปม” )


“หอกลอง” มีบทบาทมาตั้งแต่ครั้นกรุงเก่า สมัยอยุธยาจะทำหน้าที่ส่งสัญญาณภายใต้การดูแลของกรมพระนครบาล หอกลองมีความสูง 3 ชั้น แต่ละชั้นจะแขวนกลองที่มีชื่อและขนาดต่างกัน สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดให้สร้าง “หอกลองประจำเมือง” ในปี พ.ศ. 2325 ตามราชประเพณีโบราณที่สวนเจ้าเชตุ หรือกรมรักษาดินแดงในปัจจุบัน
ในสมัยอยุธยา กลองชั้นล่างสุด ชื่อ “พระทิวาราตรี” สมัยรัตนโกสินทร์ชื่อ “ย่ำพระสุรสีห์” ตีเพื่อบอกเวลาในแต่ละวัน และเวลาปิด-เปิด ประตูเมือง
ชั้นกลาง สมัยอยุธยา เรียก “พระมหาระงับดับเพลิง” สมัยรัตนโกสินทร์ กลองชื่อ “อัคคีพินาศ” ตีบอกสัญญาณเวลาเกิดไฟไหม้ ไม่ว่าจะเป็นวัง วัด ตลาด บ้าน ฯ ตี 3ครั้งบอกไฟไหม้นอกกำแพงเมือง แต่เมื่อเกิดไฟไหม้ในพระนคร ต้องรัวตีจนกว่าเพลิงจะดับ
ชั้นบนสุด อยุธยาเรียก “พระมหาฤกษ์” สมัยรัตนโกสินทร์เรียก “พิฆาตไพรี” ตีคราวมีศึกประชิดพระนคร

“เจ้าพ่อหอกลอง” เป็นหนึ่งใน 5 ของเทพยดาผู้รักษาเมือง เราสามารถบูชาท่านได้ที่ “ศาลหลักเมือง” พระนคร (ปัจจุบัน กำลังซ่อมแซมศาลเทพารักษ์อยู่) จึงขอแนะนำไปไหว้ที่ศาลเจ้าพ่อหอกลอง ตรงข้ามวังบ้านหม้อ ถนนอัษฎางค์ หลังกรมการรักษาดินแดง ศาลแห่งนี้ไม่ได้เป็นเทวรูปอย่างศาลเทพารักษ์หลักเมือง แต่เป็นรูปหล่อบุคคลจริงในประวัติศาสตร์ สันนิษฐานว่า เป็น “”สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท” หรือวังหน้าแห่งกรุงรันตโกสินทร์ ทรงเป็นพระอนุชาของพระบาทสเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ซึ่งตามประวัติของท่าน เมื่อต้องออกศึก จะรับสั่งให้ทหารตีกลองศึก ปลุกขวัญทหารข่มศัตรู !
นอกจากนี้ ยังมีศาลเจ้าพ่อหอกลองอีกแห่งหนึ่งในกระทรวงกลาโหม ซึ่ง รูปหล่อบูชานั้นคือ พระยาสีร์สุรศักดิ์ (จัน) ทหารเอกสมัยพระเจ้าตากสิน ยามออกศึกมักนิยมให้ทหารตีกลองออกศึกเป็นประจำ ทั้ง 2 ท่าน ได้ชื่อว่า “เจ้าพ่อหอกลอง” !
สำหรับเทพารักษ์ทั้ง 5 พระองค์ในศาลหลักเมือง ส่วนใหญ่เป็นสัมฤทธิ์ปิดทอง ยกเว้นเจ้าพ่อเจตคุปต์ที่เป็นเนื้อไม้สักปิดทอง โดยเป็นทวดาที่เกี่ยวข้องกับโลกวิญญาณทั้งสิ้น
1. พระเสื้อเมือง : เทวรูปยืน สัมฤทธิ์ปิดทอง, หัตถ์ซ้ายถือคทา , หัตถ์ขวาชูจักร คุ้มครองทางบกและน้ำ พระเสื้อเมืองพัฒนาจาก ผีเสื้อ , ผีเชื้อ ในศาสนาผี เป็นผีบรรพบุรุษประเภท “ผีเจ้าที่” เป็นผีดั้งเดิมที่เชื่อกันในหมู่ในไทสยาม, ลาว, ไทลื้อ , ไทใหญ่, ไทคำตี้ และไทยเขิน นิยมเซ่นสังเวยด้วยเนื้อวัว ควาย
2. พระทรงเมือง : เป็นเทวรูปยืน สัมฤทธิ์ปิดทอง หัตถ์ซ้ายท้าวบั้นเอวทรงพระขรรค์ หัตถ์ขวาชูสังข์ เป็นดวงวิญญาณของพระเจ้าแผ่นดิน มีหน้าที่ปกครอง ดูแล กระทรวง ทบวงกรม และทุกข์สุขของอาณาประชาราษฎร์
3. พระกาฬไชยศรี : เป็นเทวรูปสัมฤทธิ์ปิดทอง สี่กร ทรงนกแสก หัตถ์ขวาถือชวาลา (ดวงวิญญาณ) สามเหลี่ยมแทนวัยต่างๆ ได้แก่ วัยเด็ก, วัยกลางคน, วัยชรา กุมพระขรรค์เป็นอาวุธ และหัตถ์ซ้ายถือเชือกบาศ ไว้มัดปราณของมนุษย์ผู้ล่วงลับ ทำหน้าที่ ดูแลดวงวิญญาณของมนุษย์ทั้งหลาย
4. เจ้าพ่อเจตคุปต์ : เป็นเทวรูปยืนสลักด้วยไม้ปิดทอง หัตถ์ขวาถือเหล็กจาร หัตถ์ซ้ายถือใบลาน ชื่ออื่นๆ เรียก จิตรคุปต์บ้าง เจ็ดคุก บ้าง ทำหน้าที่รักษาทะเบียนคนตายของพระยม
5. เจ้าพ่อหอกลอง : เป็นเทวรูปยืนหล่อสำริดปิดทอง บนฐานแปดเหลี่ยม หัตถ์ซ้ายถือดอกบัวแทนแผ่นดิน หัตถ์ขวาถือเขาสัตว์

เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์องค์แรกแห่งราชวงศ์จักรี เมื่อ 6 เมษายน 2325 และยกเสาหลักเมืองขึ้นเมื่อ 21 เมษายน 2325 เวลา 06.54 น. ก่อนการสร้างพระบรมมหาราชวัง ครั้งนั้น มีบันทึกโหร เล่าเรื่อง งู 4 ตัวที่สังเวยในหลุมเสา โหราจารย์ทำนายว่า ระบบสมบูรณาญาสิทธิราชจะมีอายุได้ 150 ปี (พ.ศ. 2475) กาลเวลาก่อนปีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เจ้านายที่เกิด “ปีมะเส็ง” แก้เคล็ดด้วยการร่วมบริจาคเงินสร้าง “ตึกสี่มะเส็ง” ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เมื่อปี 2472


ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 4 โปรดให้สร้างเสาหลักเมืองต้นใหม่ เนื่องจากเสาเดิมชำรุด และแก้อาถรรพณ์ไม่ให้สยามตกเป็นเบี้ยล่างของชาวต่างชาติ พระองค์ท่านเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีความรู้ การศึกษา รู้เท่าทันทันโลกสมัยใหม่ทั้งในและต่างประเทศ รู้ทั้งทางโลกและทางธรรม จนถึงวิชาโหราศาสตร์ ผูกดวงดูฤกษ์ผานาที จนได้รับสมัญญานามว่า “บิดาแห่งโหราศาสตร์ไทย” ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ทำเสาขึ้นใหม่อีกต้น เมื่อแรม 9 ค่ำ เดือนอ้าย ปีชวด ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2395 เวลา 04.48 น. ตั้งแต่นั้นมาเสาหลักเมืองของกรุงเทพมหานครจึงมี 2 ต้น รวมทั้งในรัชสมัยของพระองค์ยังมีการจัดสร้างเทวดาประจำรัฐไทย ชื่อ “พระสยามเทวาธิราช” อีกด้วย



และเมื่อปีพ.ศ. 2562 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณ์อดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 10 มีพระบรมราชโองการถวายพระราชสมัญญา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็น พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหามงกุฎ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฏวิทยมหาราช
อ่าน “พระสยามเทวาธิราช” เพิ่มเติม >> https://ticycity.com/culture/gods-city/phra-siam-devadhiraj/
เรื่อง : Nai Mu
หมายเหตุ – รูปบางส่วนจากอินเทอร์เนต
Leave feedback about this