ticycity.com Contents Culture God's City “ไต้ซือเอี๋ย”  ผู้มาพร้อมเทศกาลผี เดือน 7 
Culture God's City

“ไต้ซือเอี๋ย”  ผู้มาพร้อมเทศกาลผี เดือน 7 

ประตูนรกเปิด

เข้ามาสู่ช่วงสี่เดือนสุดท้ายของปีกันแล้ว ซึ่งแม้ว่าเดือนกันยายน จะเป็นเดือนที่ไม่มีวันหยุดอย่างเป็นทางการเลยสักวัน แต่ในทางสายลี้ลับ เดือนนี้ถือว่าเป็นเดือน “ประตูนรกเปิด” ดังนั้นในGod’s City โดย Nai Mu กรูรูสายมูผู้มีเรื่องเล่ามากมายจากเว็บต์ไซต์และเพจ Ticy City จะพาสายมูและไม่มูทุกเพศ ทุกวัย ไปทำความรู้จัก 

ไต้ซือเอี๋ย (ท้าวอมฤตราช ) ที่ศาลเจ้าไต้ฮงกง พลับพลาไชย

“ไต้ซือเอี๋ย”  ผู้มาพร้อมเทศกาลผี เดือน 7 

ทั้งนี้ Nai Mu ขอบอกว่า ตลอดหนึ่งเดือนนี้ เชื่อกันว่า “ประตูนรกเปิด” พร้อมมีเรื่องราวให้ต้องวนเวียนอยู่กับ ภูตผีปีศาจ เปรต อสูรกาย และมีข้อห้ามทำมากมายในช่วงเวลาตอนกลางคืนหลายอย่าง เช่น ห้ามเล่นน้ำ , ห้ามออกจากบ้าน, ห้ามตากผ้า ฯลฯ 

แต่ทว่าลึกลงไปในเดือนนี้  เป็นกลอุบายในการสอนและให้ข้อคิดหลายอย่าง ดั่งเช่น 

ข้อห้าม คือ การสอนให้รู้จักระมัดระวังตัว มีสติ ไม่ประมาท โดยเฉพาะเวลากลางคืน ค่ำมืดดึกดื่น อีกทั้งกิจกรรมต่างๆ ก็สอนให้ลูกหลานรู้จักกตัญญูต่อบรรพชน ที่มาในรูปแบบอุบายว่า นรกเปิดเป็นเวลา 1 เดือน เพื่อให้โลกของคนตายได้เจอกับคนเป็นที่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นการให้คน 2ภพได้ร่วมกินข้าวปลาอาหารกันสักมื้อ !, อีกทั้ง ยังเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ถึงดวงวิญญาณอื่นๆ ที่ไม่รู้จัก เป็นวิญญาณเร่ร่อน ไร้ญาติขาดมิตร เพื่อให้ดวงวิญญาณเหล่านั้นได้อิ่มหนำสำราญ ไม่อดอยากหิวโหย  และสุดท้ายคือ การบริจาคทาน กระจายความเกื้อกูลไปยังเพื่อนมนุษย์ที่ยากไร้ แร้นแค้น และยังมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบากในทุกวัน

โดยวันที่ 1 เดือน 7 ทางจันทรคติจีน คือ วันแรกที่ประตูนรกเปิด  ซึ่งตรงกับวันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2568 และประตูนรกจะปิดลงในวันที่  21 กันยายน  ตรงกับวันที่ 30 เดือน 7 ทางจันทรคติจีน 

Nai Mu  เลยถือโอกาสมาบอเล่าว่าเดือนนี้มีเรื่องที่ต้องเรียนรู้และทำความรู้จักกัน!

เริ่มจากช่วงนี้ ศาลเจ้า , วัด-วิหาร-มูลนิธิกู้ภัยต่างๆ จะเปิดให้ประชาชนทั้งหลายร่วมบริจาคเงิน สมทบทุนซื้อข้าวสาร อาหารแห้ง เพื่อใช้ในการอุทิศแจกทาน หรือที่เรียกว่า “งานเทกระจาด” หรือ ซิโกว  บางแห่ง จัดเป็นชุดๆ ขนาดเล็ก-กลาง-ใหญ่ ด้วยราคาที่แตกต่างกันไป , บ้างก็ระดมจัดหาเจ้าภาพ เพื่อเตรียมซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภคอื่นๆ ไว้สำหรับวันแจกทาน ซึ่งวัน-เวลาสถานที่แจกทานนั้น “องค์กรฯ หรือวัดต้นทาง” จะมีการแจ้งให้ทราบกันล่วงหน้า

สำหรับงานเทกระจาด หรือ ซิโกว แปลว่า การให้ทานแก่ดวงวิญาณของผีไม่มีญาติ ! เป็นพิธีกรรมของพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ในพระสูตรชื่อ  “เปรตมุข-อัคนีชวาลยศรการ-นาม-ธารณีสูตร” หรือ “ธารณีสูตรโยคกรรมเปรตพลี”  พระสูตรนี้ กล่าวถึง พระพุทธเจ้าเสด็จประทับแสดงพระธรรมเทศนา ณ นิโครธารามวิหาร เมืองกบิลพัสดุ์ ส่วนพระอานนท์ได้นั่งบำเพ็ญสมาธิในป่าแห่งหนึ่งใกล้ๆ กัน  และนิมิตเห็นเปรตตนหนึ่ง ใบหน้าซีด ท้องโตแต่ร่างผ่ายผอม  ปากเล็ก ตัวสูงใหญ่ มีเปลวไฟออกจากปาก  พระอานนท์ตกใจ พร้อมถามถึงเหตุที่เป็นไปของการมีรูปร่างเช่นนี้ เปรตตนนั้นตอบว่า ตอนเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียวและละโมบ ตายไป ตกอบายภูมิของเปรต ต้องทุกข์ทรมานจากความหิวโหย ! และ กล่าวต่อพระอานนท์อีกว่า หากท่านเพิกเฉยต่อคำวิงวอน ท่านจะสิ้นชีวิตใน 3 วัน!  เจอแบบนี้ พระอานนท์ อยู่ไม่ได้แล้ว ต้องรีบถอยสมาธิ เร่งรีบไปเฝ้าพระพุทธเจ้าทันที 

พระพุทธองค์เมื่อทราบได้ไขปริศนาให้ฟังว่า เปรตตนนั้นคือ นิรมาณกายของพระอวโลกิเตศวรให้พระอานนท์เห็น เป็นอุบายเพื่อช่วยเหลือเหล่าสรรพสัตว์ที่ตกอยู่ในห้วงทุกข์ของนรกขุมต่างๆ  … เปรตตนนั้นคือ ไต้ซือเอี๋ย หรือ ท้าวอมฤตราช  

ดังนั้น งานเทกระจาด บริจาคทานให้ผู้ยากไร้ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้วิญญาณเร่ร่อนที่อดอยาก  จะต้องจัดตั้งหุ่นกระดาษที่สร้างจากโครงไม้ไผ่ด้านใน เป็นรูปสมมุติของ ไต้ซือเอี๋ย ที่มีร่างสูงใหญ่ หน้ายักษ์ สวมชุดเกราะนักรบ ถือธง เปลวไฟแลบจากปาก ไว้เป็นสัญลักษณ์ในปรัมพิธี เพราะ ไต้ซือเอี๋ย คือ นายใหญ่ผู้ควบคุมความประพฤติของเปรต ภูตผี อสูรกาย   ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ให้มีการแย่งชิงอาหารเพราะความอดอยากหิวโหยนั่นเอง ! 

โดยในพระสูตรนี้ พระพุทธเจ้ากล่าวว่า อดีตกาลอันไกลโพ้น  เมื่อครั้งที่พระองค์ยังเป็นพระโพธิสัตว์ และเคยได้ยินพระอวโลกิเตศวรตรัสถึง “โยคะตันตระอัคนีชวาลมุขเปรตพลีโยคกรรม”  ซี่งเป็นพิธีกรรมของฝ่ายมนตรยาน (ตันตระ) เพื่อที่ผลบุญทั้งหลายจะถึงเหล่าปีศาจ อสูรกายให้พ้นทุกข์ได้  

พระวัชรธราจารย์  ผู้ประกอบพิธีต้องรู้ในมนตรยาน สวมจีวร “เจียซา” และหมวกพระเจ้า 5 พระองค์ ขึ้นแท่น ประกอบพิธีนี้ในมณฑล มีการใช้วัชรฆัณฏา หรือกระดิ่งยอดวัชระ  และวัชรศาสตรา มือร่ายรำแสดงท่ามุทรา เรียก “วัชรหุงการ” เพื่อสื่อถึงสัญลักษณ์ของความหลุดพ้น จนเสร็จพิธีนั่นแหละ ถึงจะเริ่มแจกทานเทกระจาด ! โดยสมบูรณ์

และหากถามว่า ในวันปกติ จะกราบไหว้บูชา ไต้ซือเอี๋ย ได้ที่ไหน  Nai Mu ขอบอกว่าเชิญที่ศาลเจ้าไต้ฮงกง พลับพลาไชย  เพราะด้านในทางซ้ายมือ จะตั้ง ไต้ซือเอี๋ย ร่างสูง สีทองอร่าม ในตู้กระจก ให้บูชากัน 

นอกจากช่วงเทศกาลเทกระจาดแล้ว ยังมี วันสารทจีน ช่วงเช้าเป็นการไหว้เจ้า พอก่อนเที่ยงจัดโต๊ะไหว้บรรพบุรุษ และ ลำดับสุดท้ายคือ ไหว้ผีไม่มีญาติ เรียก ฮอเฮียตี๋ …  ซึ่งมักจะได้เห็นตามบ้านของคนจีน หรือคนไทยเชื้อสายจีนปูเสื่อที่พื้นหน้าบ้าน จัดวางอาหารคาว-หวานหลากหลายชนิด ก็เพื่อเลี้ยงผีไม่มีญาตินั่นเอง 

นอกจากนี้ วันสารทจีน หรือวันที่ 15 เดือน 7 ตามจันทรคติจีน ซึ่งตรงกับวันที่ 6 กันยายน ยังมีความสำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ ตรงกับวันออกพรรษาของจีน  ซึ่งจะทำพิธีอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตาย  โดยมีปรากฏในพระสูตรชื่อ   “อุลลัมพนสูตร”  หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในนิทานวันสารทจีน เรื่อง มู่เหลียน (หรือ พระโมคคัลลานะ) ช่วยแม่ในนรก ! นั่นเอง

ตามเนื้อเรื่อง มู่เหลียน ช่วยแม่ในนรก ! นั่น มีความว่า นางหลิว แม่ของมู่เหลียน (พระโมคคัลลานะ) แต่ไหนแต่ไรไม่ถูกชะตากับพวกถือศีลกินเจ เกะกะลูกตาชะมัด ! วันหนึ่ง นางหลิวเกิดอยากแสดงความศรัทธา จึงให้ มู่เหลียนไปเชื้อเชิญผู้ทรงศีลทั้งหลายมารับประทานอาหารเจที่บ้าน ผู้เคร่งในศีลต่างยินดีที่นางหลิวหันมาสร้างบุญบารมี นางปรุงอาหารทุกอย่างด้วยตัวเอง ผู้ถือศีลเหล่านั้น หลังรับอาหารแล้วก็ให้พรแก่นางและกลับบ้านไป  แต่ไม่มีใครรู้ว่า น้ำแกงในใช้ในการปรุงอาหาร นางใช้น้ำต้มจากเนื้อสัตว์ ! กรรมหนักหนานัก ซึ่งเมื่อตายก็ตกนรกอเวจี ขุมที่ 8  

และเมื่อมู่เหลียนบวชเป็นพระภิกษุในพุทธศาสนา วันหนึ่งขณะเข้าฌานสมาธิถอดกายทิพย์ ไปพบนางหลิว ผู้เป็นแม่ เพื่อต้องการไถ่ถามว่าอยู่สุขสบายดีมั้ย ? จิตก็พามู่เหลี่ยนไปยังนรกขุมที่ 8 ที่เต็มไปด้วยเสียงร่ำร้องคร่ำครวญจากความทุกขเวทนาของผู้ก่อกรรมเมื่อครั้งมีชีวิตอยู่  พอมู่เหลียนพบกับนางหลิว จึงรู้ว่า นางอดอยาก เสกอาหารให้กิน เหล่าวิญญาณอื่นๆ ก็แย่งกินจนหมด เม็ดข้าวสุกเพียงเมล็ดเดียวที่มู่เหลียนป้อนให้แม่ กลับเป็นไฟแผดเผาจนปากนางเกรียมไหม้  มู่เหลียน รู้ว่าแม่ทำกรรมหนักก็ให้เวทนาแม่นัก

มู่เหลี่ยนจึงบอกยมบาลว่า ขอรับกรรมทั้งปวงแทนมารดา ! แต่ก่อนที่มู่เหลียนจะลงกระทะทองแดง พระพุทธองค์ซึ่งแจ้งเหตุเสด็จมายังนรก บอกมู่เหลียนว่า ให้สวด “อุลลัมพนสูตร”  (คัมภีร์อิ๋วหลันเผิน) คนจีนเรียก    “พ้อต่อ”  โดยต้องเชื้อเชิญ เหล่าเทพ เซียน ภิกษุ และผู้ทรงคุณอื่นๆ จากทั่วสารทิศ มาถวายอาหารในเดือนที่ประตูนรกเปิด เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้พ่อ-แม่ที่ล่วงลับไปแล้ว เป็นการตอบแทนพระคุณ จะทำให้บาปกรรมทั้งหลายนับจากชาตินี้ และย้อนกลับไป 7 ชาติ พ้นจากบาปกรรม นำพาดวงวิญญาณของบรรพชนสู่สุคติ  

ที่ Nai Muเล่า มานี้เป็นแค่กิจกรรมและบางเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับโลกของคนตายในเดือน 7 เท่านั้น บอกเลยว่ายังไม่จบยังมีตอน  2 อีก แต่ขอต่อในสัปดาห์หน้า ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรนั้นต้องติดตามกันเอง 

เรื่อง : โดย Nai Mu

ภาพบางส่วนจาก อินเทอร์เน็ต

Exit mobile version