1 ใน 3 ศาสดาของลัทธิเต๋า
สำหรับ God’s City โดย Nai Mu กรูรูสายมูผู้มีเรื่องเล่ามากมายจากเว็บต์ไซต์และเพจ Ticy City จะพาสายมูและไม่มูทุกเพศ ทุกวัย ทั้งหลายไปทำความรู้จักกับ 1 ใน 3 ศาสดาของลัทธิเต๋า ผู้มีนามว่า “ไท่ซ่านเหล่าจวิน” เทพอาวุโส ปรมาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญในการคิดค้นปรุงยาอายุวัฒนะ เพื่อความเป็นอมตะ มีอายุยืนยาว

เหตุที่ Nai Mu มาเล่าเรื่องราวของท่าน เพราะวันที่ 1 เดือน 7 ซึ่งทางจันทรคติจีน ปีนี้ ตรงกับวันที่ 23 สิงหาคม 2568 เป็นวันเทวสมภพ ของ “ไท่ซ่านเหล่าจวิน” หรือ “เหลาจื้อ” เฒ่าทารก – ปราชญ์ผู้ซ่อนตน 1 ใน 3 ศาสดาของลัทธิเต๋า แต่กลับมีรูปเคารพใน วัด วิหาร และศาลเจ้าจีนน้อยมาก หากใครใคร่จะไปกราบไหว้ล่ะ ในกรุงเทพฯ ไปสักการะบูชาได้ที่ “ศาลเจ้าหลีตีเมี้ยว” ย่านพลับพลาไชย
ไท่ซ่านเล่าจวิน เล่าขานในฐานะมนุษย์ ท่านคือ “เหลาจื้อ” หรือ “เล่าจื้อ” เจ้าของ “คัมภีร์เต๋าเต็กเก็ง” ปรัชญาการคืนสู่ธรรมชาติด้วยอักษร 5,000 ตัว รวมทั้งสิ้น 81 บท แบ่งเป็น 2 ภาค ภาคแรก 1-37 และภาคสอง 38-81


ครั้งนี้ Nai Mu ขอตัดรายละเอียด เรื่องบ้านเกิด แว่นแคว้น ราชวงศ์ออกไป แต่จะเริ่มเล่าว่า ท่านมีชีวิตเมื่อ 4 พันกว่าปีที่แล้ว แม่ของท่านตั้งท้องเมื่ออายุ 19 ปี หลังจากทานผลลี้ระหว่างออกไปวิ่งเล่น ท่านนอนอยู่ในท้องแม่นานถึง 81 ปี ซึ่งในช่วงที่ท่านอยู่ในท้องก็สามารถพูดคุยกับแม่ได้ เมื่อแม่เริ่มแก่ชรา แม่ก็เลยถามว่า เมื่อไหร่จะออกจากท้องแม่เสียที ท่านก็บอกว่า ถ้าท่านออกจากท้อง แม่ก็ต้องสิ้นชีวิต ฝ่ายแม่ก็บอกว่า ลูกจ๋าออกมาจากท้องแม่เถิด แม่ยอมตาย ! ดังนั้น… เมื่อถึงเวลาตกฟาก ท่านเหลาจื้อจึงผุดออกมาทางรักแร้ซ้ายของแม่ เป็นเด็กแก่ ผมขาว (โถ… ก็อยู่ในท้องตั้ง 81 ปี)


อันที่จริงประวัติท่านน้อย มีเพียงเต๋าเต็กเก็งเท่านั้น ที่โดดเด่นยืนยันตัวตนของท่าน โดยประวัติท่านจารึกอยู่ในหนังสือ “ซือกี่” ซึ่งเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์เล่มแรกของจีน ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้คือ สุมาเจี๋ยน ในหนังสือระบุการเรียกขานชื่อจริงของท่าน ว่า “หลีเอ้อ” บ้าง “หลีตัน” บ้าง แต่เมื่อท่านอายุมากขึ้นต่างเรียกขานปราชญ์ผู้ชราว่า “เหลาตัน” ฉายาอื่น เช่น อาจารย์อาวุโส, เฒ่าทารก , ปราชญ์ผู้ซ่อนตน !
ในราชวงศ์โจว เหลาจื้อเข้ารับราชการที่วังหลวงในนครลั่วหยาง ในตำแหน่ง เลขานุการพระราชวัง ต่อมาเป็นบรรณารักษ์ในห้องสมุดแห่งชาติ !
ในขณะที่ความเป็นอยู่ของท่านนั้นช่างมีชีวิตกินอยู่อย่างเรียบง่าย สมถะ ไม่ต้องการชื่อเสียง ท่านมีความเชี่ยวชาญในด้านความรู้ทุกประเภท รวมถึงกวีนิพนธ์ และคัมภีร์ต่างๆ เรียกว่า อักษรศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ไม่มีใครกินท่านลงว่างั้นเถอะ
“ขงจื้อ” เป็นรุ่นน้องเหลาจื้อถึง 53 ปี วันหนึ่งได้มีโอกาสพบกัน ขงจื้อเป็นนักปรัชญาจารีตนิยม ส่วนเหลาจื้อเป็นนักปรัชญาฝ่ายเสรีนิยม รักอิสระไม่ผูกมัดกับสิ่งใด ภายหลังขงจื้อได้เล่าให้เพื่อนและลูกศิษย์ฟัง ความว่า

“ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่า เหตุใดวิหคจึงอาจบินไปในฟากฟ้า ปลาอาจแหวกว่ายในสายธาร และสัตว์สี่เท้าจึงอาจวิ่งไปบนผืนดิน สัตว์ซึ่งวิ่งได้อาจถูกจับด้วยแร้ง ที่ว่ายน้ำอาจถูกจับด้วยแหและเบ็ด ที่บินอาจถูกยิงด้วยเกาทัณฑ์ ครั้นมาพิจารณาพูดถึงมังกร ข้าพเจ้าไม่เข้าใจว่า เหตุใดมังกรจึงอาจเหินบินอยู่ในห้วงหาว พลิ้วไปกับสายลม ลอยละล่องไปกับเมฆได้ มังกรนั้นไม่มีใครจะจับอยู่ บัดนี้ข้าพเจ้าเห็นมีพียงเหลาจื้อเท่านั้น จึงอาจเปรียบได้กับมังกรแห่งฟากฟ้า”
เมื่อเหลาจื้ออายุ ราว 160 หรืออาจจะมากถึง 200 ปี ก็เกิดความเบื่อหน่ายในความเสื่อมโทรมของราชสำนัก ข้าราชการแต่ละกระทรวงต่างฉ้อฉล วิ่งเต้นหาตำแหน่ง แสวงหาอำนาจไม่หยุดหย่อน คิดถึงแต่ตนเอง กดขี่ ข่มเหงราษฎร ท่านจึงตัดสินใจ ขี่แชวู๊ (แชวู๊ แปลว่า ควายสีเขียว) ควายตัวนี้เป็นควายที่มีเขาข้างเดียว ออกท่องโลกอย่างอิสระ เพื่อแสวงหาชีวิตอมตะ ท่านขี่ควายมาถึงด่านฮั่นกู่ นายด่านรู้ในกิติศัพท์ชื่อเสียงของท่านดี จึงขอให้ท่านเขียนอะไรก็ได้ไว้เป็นที่ระลึกก่อนจากไป ( Nai Mu คิดว่าคงคล้ายๆ กับ “อัลมุสตาฟา” ใน The Prophet ปรัชญาชีวิต ของคาลิล ยิบราน) เหลาจื้อจึงเขียนเรื่องราวของปัจจเจกบุคคล รัฐ และธรรมชาติ 5,000 ตัว ซึ่งได้ตกทอดมาถึงทุกวันนี้ ในฐานะ “คัมภีร์เต๋าเต็กเก็ง” หรือ “เต๋าเต๋อจิง” หรือ “วิถีแห่งเต๋า” ที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้นั่นเอง
และวันนี้ Nai Mu ขอหยิบมาบทหนึ่ง จากหนังสือชื่อ “วิถีแห่งเต๋า” ของพจนา จันทรสันติ
บทที่ 30 สงคราม
ผู้ที่รู้เต๋าและประสงค์จะมาช่วยเหลือกิจการบ้านเมือง
จะต้องคัดค้านการพิชิตด้วยกำลังทหาร
เพราะสิ่งนี้จะได้รับการตอบแทน
ยกทัพไปรุกรานผู้อื่นจะถูกผู้อื่นยกทัพมากระทำตอบ
เมื่อยกทัพยกไปถึงที่ใด
ดินแดนนั้นก็เต็มไปด้วยหญ้าและพงหนาม
เมื่อยกทัพใหญ่ไป
สิ่งที่จะตามมาก็คือช่วงเวลาแห่งความขาดแคลน
ความยากแค้น
และความอดอยาก
ดังนั้นเมื่อขุนพลทำการรบสำเร็จผลก็หยุดยั้ง
มิกล้าที่จะพึ่งพาความเข้มแข็งของกองทัพ
สำเร็จผลแล้วไม่โอ้อวด
สำเร็จผลแล้วไม่ลำพอง
ความสำเร็จผลนั้น ถือว่าเป็นความทรงจำอันน่าโศกเศร้า
ความสำเร็จผลนั้นเกิดขึ้นมิใช่ด้วยนิยมในความรุนแรง
เมื่อมีเวลารุ่งโรจน์ก็มีเวลาตกต่ำ
ด้วยความรุนแรงนี้ขัดกับเต๋า
ผู้ที่ขัดกับเต๋าจะจบสิ้นไปโดยเร็ว”
ต่อมา เหลาจื้อ ปราชญ์ผู้เฒ่า ได้รับการยกย่องสถาปนาให้ท่านเป็น 1 ใน3 ของปรมาจารย์ลัทธิเต๋า เรียกกันว่า “ซันซิง” หรือ “สามบริสุทธิ์” อันได้แก่
“หยกวิสุทธ์” มี “เง็กเซ็งหยวนสื่อเทียนจุน” หรือจักรพรรดิหยก เป็นปรมาจารย์องค์แรกในยุค อาทิกัลป์ (ยุคแรกของกัลป์) มือถือลูกแก้ว
“เหนือวิสุทธิ์” มี “หลิงเป่าเทียนจิน” เป็นปรมาจารย์ในยุค มัชฌิมกัลป์ หรือยุคกลาง ผู้คิดค้นการแปรเปลี่ยนของพลังหยิน-หยาง มืถือคฑายู่อี้
“บรมวิสุทธิ์” มี “ไท่ซ่านเหล่าจวิน” เป็นปรมาจารย์ในยุค ปัจฉิมกัลป์ นับถือว่านิพนธ์คัมภีร์เต๋าเต็กเก็ง เป็นเทพที่ปรึกษาของเง็กเซียนฮ่องเต้ องค์ปัจจุบัน , เป็นเทพปรมาจารย์ของเหล่าโป๊ยเซียน เป็นชายชรา ผมและเคราสีขาวโพลน มือถือพัดหรือแส้จามรี
ดังคำกล่าว “เต๋าให้กำเนิดหนึ่ง หนึ่งในกำเนิดสอง สองให้กำเนิดสาม สามให้สรรพสิ่ง”

ซันซิง หรือ สามบริสุทธิ์ในฝ่ายเต๋า เป็นต้นเค้าการจัดวาง แบบ “สามสรรพสิ่ง” เช่น ซำปอฮุกโจ้ว พระพุทธเจ้า 3 พระองค์ ในฝ่ายมหายาน, ฮก ลก ซิ่ว (เทพมงคลของจีน) หรือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในศาสนาพุทธ
ว่ากันว่า ไท่ซ่านเหล่าจวิน เป็นผู้คิดค้นยันต์แปดทิศ และ อายุวัฒนะ ! คุณสมบัติของท่านคือ ความรักในเพื่อนมนุษย์ !
อย่างที่บอกไว้ตอนต้นว่า ถ้าท่านอยากสักการะ กราบไหว้เทพอาจารย์ “ไท่ซ่านเหล่าจวิน” ต้องไปที่ศาลเจ้าหลีตีเมี้ยว ย่านพลับพลาไชย ศาลแห่งนี้สร้างโดยชาวจีนแคะ เมื่อปี พ.ศ. 2445 เทพประธานคือ หลีจื่อเซียงซือ หรือ ลื่อทงปิน หนึ่งในกลุ่มเทพโป้ยเซียน (แปดเซียน) เป็นเทพเจ้าวงการแพทย์ที่เลื่องชื่อ และเก่งในวิชาเล่นแร่แปรธาตุ ภายในศาลแห่งนี้มี 4 ชั้น มีเทพอื่นๆ เรียงราย ร่วมอยู่ด้วย เช่น โป้ยเซียน , เทพเจ้าแห่งโชคลาภทั้งห้า, เจ้าแม่กวนอิม , เจ้าพ่อกวนอู, เจ้าแม่ทับทิม , ฮ่อเซียนโกว เซียนหญิงหนึ่งเดียวในคณะแปดเซียน และเง็กเซียนฮ่องเต้


ด้านขวามือในห้องประธานชั้น 2 ประดิษฐาน ท่านเทพอาวุโส ไท่ซ่านเหล่าจวิน องค์ใหญ่ สีทองอร่าม อาจารย์เทพของโป้ยเซียน ให้บูชาและระลึกถึง เมื่อท่านเป็นปรมาจารย์ของนักการศึกษาวิชาเต๋า เจ้าของปรัชญาที่เลื่องชื่อมาหลายพันปี ชื่อ “คัมภีร์เต๋าเต๊กเก็ง” ผู้ชื่นชมในวิถีแห่งเต๋า และเหลาจื้อ ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
เรื่อง : โดย Nai MU
Leave feedback about this