ตุลาคม 28, 2025
ticycity.com
Culture God's City

เฒ่าจันทรา “กามเทพสื่อรัก” คืนวันไหว้พระจันทร์ 

เชือกแดง

ในช่วงต้นเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ ยังคงมีอีกหนึ่งค่ำคืนสำคัญ เป็นค่ำคืนแห่งวันไหว้พระจันทร์ ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 6 ตุลาคม 2568  แม้ว่าหลายคนจะพอทราบถึงตำนานเล่าขานที่มาแห่งคืนวันไหว้พระจันทร์ แต่ Nai Mu กรูรูสายมูแห่งGod’s City  ผู้มีเรื่องเล่ามากมายจากเว็บต์ไซต์และเพจ Ticy City  ยังคงมีเรื่องราวของเทพธิดาฉางเอ๋อ  และเทพ-เทวีองค์อื่นๆ เช่น ไท้อิมแชกุน และพระจันทรประภาโพธิสัตว์  มาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งนอกจากนี้ยังเป็นวันเทวสมภพของ “เย่ว์เหล่า” เฒ่าจันทรา กามเทพสื่อรักของคนจีน ที่จับเนื้อคู่ “เกี่ยวรักที่ปลายก้อย” ด้วยเชือกแดง อีกด้วย

ง่วยแอ๋เหล่านั๊ง (เทพเนื้อคู่) วัดเล่งเน่ยยี่ 

“คนรัก” คู่หนึ่ง มีสัญญาพบกันในทุกคืนไหว้พระจันทร์ เพื่อจิบชา ทานขนม ชมจันทร์ และเล่านิทานให้ฟังในค่ำคืนนี้ ! 

“มูน”บุหลัน กับ “ซัน”ทิวา คบหาเป็นเพื่อนกันมานานตั้งแต่สมัยเรียน ทั้งคู่มีอะไรที่คล้ายกัน ต่างชอบชีวิตอิสระ คำสัญญาข้อเดียวที่ทั้งคู่ไม่เคยลืม “ปีละครั้งทั้งคู่ต้องมาเจอกัน” ไม่ว่าปีนั้น ทิวาจะอยู่ที่แห่งใดในโลก จะมาเพื่อคุยบอกเล่าความเป็นไป  ยิ้ม หัวเราะ เริงร่ากันสองคนอย่างเสรี ท่ามกลางสายลมและขอบฟ้ากว้างที่มีดวงจันทร์นวลกลมโต ลอยเด่น อยู่บนแผ่นฟ้ากว้างนั้น !  

บุหลันพาตัวเองมาเป็นครูอยู่ที่ชานเมืองเมื่อหลายปีก่อน บ้านหลังนี้ เป็นสมบัติของแม่ที่ยกให้เธอ  บ้านหลังไม่ใหญ่ แต่อยู่คนเดียวก็ถือว่ากว้างขวางอยู่  รอบๆ ตัวบ้าน เต็มไปด้วยแมกไม้หลากสายพันธุ์ ทั้งไม้ยืนต้นให้ร่มเงาคลุมแดดจัดตอนกลางวัน ไม้พุ่ม ระดับสายตา เธอชอบไม้รูปทรงแปลกๆ กระทั่ง ดอกไม้ไทยบางชนิดที่มีกลิ่นอ่อน หอมละมุน  กลิ่นหอมบางของดอกไม้นั้นทำให้เธอรู้สึกปลอดโปร่ง โล่งสบาย บ้านหลังนี้ นอกจากเธอแล้ว ยังมีหมาเป็นเพื่อนอีกตัวหนึ่ง  …  ถ้าเธออยู่บ้าน  เสียงเพลงจะบรรเลงทอเสียงตลอดเวลา เพลงเป็นสิ่งเดียวที่ขาดไม่ได้สำหรับเธอ

คืนนี้ … ทิวาจะมาหาเธอ ! ตามสัญญา … ทุกปีก็เป็นเช่นนี้ ไม่ต้องนัดหมาย ไม่ต้องตามจิก ไม่ต้องย้ำเตือน แต่มันมาตามสายสัมพันธ์ที่ผูกสองคนไว้อย่างเหนียวแน่น  บางปี ฟังคำพูดซ้ำๆ จากเขาบ้าง แต่บุหลันไม่เคยเบื่อ ! ทิวาจะขับรถจากกรุงเทพฯ มาหาเธอ ใน “คืนวันไหว้พระจันทร์” เพื่อพูดคุย กินขนม-ผลไม้ จิบชาและชมจันทร์ กันที่นี่ !  

เมื่อตะวันลับเหลี่ยมฟ้า … บุหลัน เตรียมมื้ออาหารไว้บนตัวบ้าน  และที่โต๊ะกลางแจ้งจะจัดวาง  Moon Cake ,ของขบเคี้ยว และผลไม้ตามอีกนิดหน่อย  แต่ที่ขาดไม่ได้บนโต๊ะนี้คือ ชุดน้ำชา และใบชาชั้นดี  

“เฒ่าด้ายแดง” หลากหลายมากที่เมืองจีน
“เฒ่าด้ายแดง” หลากหลายมากที่เมืองจีน

เพลงเอกของค่ำคืนนี้ คือ The Moon Represents My Heart หรือ  “เยว่เหลียงไต้เปียวหวอเตอซิน” เพลงเดียว แต่มีหลายเวอร์ชั่น ไม่ได้มีแต่เวอร์ชั่นของ เติ้งลี่จวิน ที่โด่งดังในปี 2516 เท่านั้น ยังมีเวอร์ชั่นของ “เฉินเฟินหลัน” ที่เป็นต้นฉบับแรกซึ่งเติ้งลี่จวินนำมา Cover ใหม่!   เธอช่างสรรหาเวอร์ชั่นต่างๆ มานำเสนอเพื่อความแปลกใหม่ทุกปี ทั้งแบบร้องและบรรเลง  รวมถึงเพลงไทย “พระจันทร์เป็นใจ” ในทำนองเดียวกัน  ,  

ทิวา ชอบเวอร์ชั่นเสียงทุ้มต่ำของนักร้องชายชื่อ เจ้า เผิง (Zhao Peng)  เสียงเพลงอันหลากหลายทอท่วงทำนองดังแผ่วๆ… ไม่นานนัก … เสียงรถยนต์แล่นเข้ามาในตัวบ้าน พร้อมๆ กับเสียงหมาเห่าทักทายเล็กน้อย บอกให้เธอรู้ว่า แขกของเรือนในค่ำคืนนี้มาแล้ว ! 

หลังมื้ออาหารเย็นบนตัวบ้านกับเรื่องราวในชีวิตผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนทั้งคู่พาตัวเองมาที่โต๊ะหินอ่อนกลางลานบ้าน แสงเทียนวับแวมอยู่บนโต๊ะ ส่องให้เห็นขนม-ผลไม้ต่างๆ ที่ที่วางเรีนงรายบนโต๊ะหิน เวลาคล้อย… เช่นเดียวกับดวงจันทร์ขยับขึ้นส่องสว่างกลางฟ้าโปร่ง คืนนี้… ดวงจันทร์สวยงามอย่างคนโบราณว่าไว้จริงๆ 

“ปีนี้ ซันจะเล่านิทานเรื่องอะไรให้มูนฟัง” บุหลันถามทิวา …

ก่อนจะคลี่ม่านแผ่นฟ้าด้วยเรื่องราวเล่าขาน เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของทั้งคู่ ไม่ถึงขนาดจุดธูปเทียน เผากระดาษเงินกระดาษทอง  แต่จะตั้งแก้วน้ำชาและแบ่งชิ้นขนมใส่บนจานเล็กๆ  วางไว้อีกชุดหนึ่งเพื่อแสดงความกตัญญูต่อ  “พระจันทร์” ธรรมชาติที่อยู่คู่กับโลกมานานแสนนาน ! 

“เฒ่าด้ายแดง” หลากหลายมากที่เมืองจีน

บุหลัน จำได้ว่า ทิวาเคยเล่าเรื่องราวความรักอันน่าเศร้าของนิทานพื้นบ้าน ที่ฉางเอ๋อ เมียของโฮ่วอี้ (วีรบุรุษในตำนานยิงตะวัน 9 ใน 10 ดวง) ต้องหนีเฟิงเหมิง ศิษย์ทรยศของโฮ่วอี้ ที่เข้ามาในบ้านหวังชิงยาอายุวัฒนะ ยาเม็ดนี้สองผัวเมียตั้งใจแบ่งกันกินคนละครึ่ง เพื่อเป็นเซียน มีชีวิตเป็นอมตะ แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิด  ทำให้ฉางเอ๋อ ต้องชิงกินยาทั้งเม็ด ตัวลอยขึ้นสู่ดวงจันทร์ อนิจจาความรัก ! โฮ่วอี้ทำได้เพียง จัดขนม-ผลไม้ ร่ำไห้เรียกนางลงมากินขนมด้วยกันเท่านั้น ! 

และเขายังเคยบอกว่า ยังมีเรื่องราวของผู้ดูแล “ดวงจันทร์” คนอื่นๆอีก  เช่น ไท้อิมแชกุน ของฝ่ายลัทธิเต๋า , พระจันทรประภาโพธิสัตว์ ของพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ซึ่ง “จันทรประภา- สุริยประภา” เป็นบริวารของพระไภษัชคุรุพุทธเจ้า ซึ่งมีพุทธเกษตรทางทิศตะวันออก

“ซัน มีแต่ โฮ่วอี้ ที่จิบชาทานขนม ในวันไหว้พระจันทร์เท่านั้นหรือ ?” บุหลันถาม

ทิวา ระบายยิ้มบนใบหน้า พร้อมกับแสดงใบหน้าครุ่นคิดนิดนึงก่อนบอกบุหลันว่า “ยังมีผัว-เมียอีกคู่หนึ่ง ที่ตั้งโต๊ะ มีขนม ผลไม้ และถวายน้ำผึ้ง ในคืนนี้” …. –  “ ใครเหรอ ซัน” บุหลันสีหน้าอยากรู้ 

“เหว่ยกู้กับเมียของเขา” , “เค้าไหว้เทวีฉางเอ๋อหรือ ?” 

“เปล่า ! สองผัวเมียรำลึกถึง “ผู้เฒ่าด้ายแดง” บางคนเรียก “เฒ่า(ใต้)จันทรา” หรือ “เฒ่าจันทร์แรม” ท่านเป็น “กามเทพเฒ่า” ของคนจีน ซึ่งมีเทวสมภพในวันนี้ 15 ค่ำ เดือน 8 ตามจันทรคติของจีน  !  พวกซินแสที่เมืองไทยชอบจัดทัวร์พาคนคลั่งรัก ไปมูกันที่ วัดหวังต้าเซียน  ณ เกาะฮ่องกง หรือ วัดหลงซาน บนเกาะไต้หวัน ”  

“แล้วเฒ่าจันทรา ไม่มีที่เมืองไทยหรือ” – “ ไม่ค่อยมีนะ มีแต่วัดเล่งเน่ยยี่ เค้าเรียกเป็นภาษาแต้จิ๋วว่า ง่วยแอ๋เหล่านั๊ง (เทพเนื้อคู่)  ถ้าจีนกลางเรียก “เย่ว์เหล่า”  เรื่องเฒ่าจันทรา มาจากหนังสือรวมนิยายชื่อ “ซวี่เสวียนไกว้ลู่” สมัยราชวงศ์ถัง เมื่อพันปีเศษมาแล้ว คนแต่งชื่อ “หลี่ฟู่เหยียน” ในนั้นมีชื่อตอนว่า “หมั้นหมาย” !

บุคคลิกของผู้เฒ่าคนนี้ เป็นชายชราที่มีใบหน้าสมบูรณ์ด้วยเลือดฝาดราวเด็กๆ , สีผมขาวโพลน , มือถือสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง  อีกมือหนึ่งถือ  ด้ายแดง ! เดินเหินรวดเร็ว  …

นิยายเล่าว่า บัณฑิตหนุ่มชื่อ เหว่ยกู้ พร้อมมารดา และคนรับใช้คนหนึ่ง มาเที่ยวที่อำเภอซ่งเฉิง และพักในโรงเตี้ยมแห่งหนึ่ง วันหนึ่ง เหว่ยกู้และคนรับใช้ออกจากโรงเตี้ยมจะไปเดินเล่นในตลาด  เหว่ยกู้เห็นชายชรา ผมขาวคนหนึ่งนั่งอยู่ที่หน้าประตูโรงเตี้ยม  เขานั่งพลิกดูสมุดเล่มหนึ่งอยู่ เหว่ยกู้ส่งสายตามองลายเส้นขยุกขยิกในหนังสือเล่มนั้น   ซึ่งเป็นอักษรที่ไม่คุ้นเคย คนมีความรู้อย่างเขายังอ่านไม่ออก จึงถามผู้เฒ่าว่า ท่านรู้จักหนังสือพวกนี้หรือ ? ท่านผู้เฒ่าพยักหน้าน้อยๆ พร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร ซ้ำโอ้อวดว่า นี่มันไม่ใช่หนังสือธรรมดานะเฟ้ย ! แล้วมันคือ หนังสือประเภทใดหรือ ? ผู้เฒ่าหัวเราะพลางบอกกล่าวว่า มันเป็นความลับของสวรรค์ จะให้ใครรู้ได้อย่างไร ? หนังสือพวกนี้ ข้าเป็นคนเขียนเอง อ่านเอง  และรู้แค่คนเดียว ! พ่อหนุ่มเชื่อไหมว่า บันทึกพวกนี้คือ “รายชื่อของชาย-หญิงที่เป็นเนื้อคู่บุพเพกัน อยู่ไกลเพียงไหน นานแค่ไหน ก็ต้องเจอและได้ครองคู่กัน” 

“เฒ่าด้ายแดง” หลากหลายมากที่เมืองจีน

 เหว่ยกู้ยังไม่เชื่อคำพูดตาเฒ่าคนนี้ แต่คนหนุ่มอย่างเขาคงอยากหาอะไรเพลินๆ ทำแก้เบื่อ ยังไม่ทันจะเอ่ยปาก ตาเฒ่าก็เดินเหินอย่างรวดเร็วไปโน่นแล้ว เหว่ยกู้เร่งฝีเท้าเข้าไปลองภูมิ 

 “ท่านผู้เฒ่า ข้าอยากรู้ว่า เนื้อคู่บุพเพฯ ของข้าเป็นใคร” ….

ระหว่างนั้น มีหญิงตาบอดคนหนึ่งกำลังอุ้มเด็กน้อยคนหนึ่งเดินมาตามทาง 

“ นั่นแหละ  เด็กน้อยผู้นั้น คือ เนื้อคู่ของท่าน” ! ฉับพลันทันใด ชายชราผู้นั้นก็คว้าด้ายแดงเส้นหนึ่งจากกระเป๋า ใช้อิทธิฤทธิ์ผูกที่นิ้วก้อยของเด็กผู้นั้นกับเหว่ยกู้ทันที  ด้ายทิพย์สีแดงสดเส้นนั้น โปร่งใส มนุษย์ไม่อาจรู้เห็นในพฤติกรรมและเหตุการณ์นั้น เสร็จภารกิจท่านผู้เฒ่าก็หายไปในทันที

ฉางเอ๋อ- ไท้อิมแชกุน – พระจันทรประภาโพธิสัตว์

เหว่ยกู้ เหมือนถูกผู้เฒ่าตบหน้าอย่างจัง ! ถ้าอนาคตเขาเป็นข้าราชการ มีแม่ยายตาบอด , มีเมียคราวลูก จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ต้องถูกสังคมประฌามแน่ ไอ้เฒ่าเอ๊ย … หลอกกูชัดๆ  เหว่ยกู้เลยคิดว่า นี่เป็นเรื่องขำๆ ของผู้ใหญ่ที่มีไว้หลอกลูกหลาน  ! 

กาลเวลาผ่านไปนาน …. บัณฑิตเหว่ยกู้ รับราชการอนาคตไกล แต่ชีวิตสมรสกับล้มเหลวไม่เป็นท่า เลิกรากับเมียมาหลายคน ! ในช่วง 14 ปีที่ผ่านมา

สุดท้าย เขาแต่งงานอีกครั้งกับลูกสาวของหวังไท่ ผู้ตรวจการเมืองเซี่ยงโจว ทั้งคู่รักใคร่กันดี วันหนึ่ง ขณะนั่งทานอาหารอยู่ เหว่ยกู้ ถามว่า แผลเป็นระหว่างคิ้วของเธอมาจากสาเหตุใด ? นางเล่าว่า เมื่อ14 ปีก่อน แม่ตาบอดของนาง อุ้มนางเดินอยู่ในตลาด จู่ๆ ก็มีคนเอามีดวิ่งมาหวังจะแทงเธอ แต่โชคดี ที่เธอถูกมีดเฉี่ยวที่บริเวณคิ้ว แม่ของเหว่ยกู้ที่นั่งทานอาหารอยู่ด้วย อ้าปากค้าง ตะเกียบหลุดมือ ! 

ผ่านเวลาจนวาระสุดท้าย แม่จึงเล่าเรื่องเหตุการณ์ 14 ปีก่อนให้ลูกชายฟัง ! … วันนั้นในอดีต

คนรับใช้มารายงานความเคลื่อนไหวของนายน้อยกับแม่ ! แม่ได้ยินก็รับไม่ได้ กระซิบสั่ง ไปจัดการเด็กคนนี้ซะ !  เหว่ยกู้คิดถึงผู้เฒ่าที่ถือสมุดบันทึกและด้ายแดงคนนั้น คาดไม่ถึงว่า จะเป็นเรื่องจริง ! 

การจัดโต๊ะและขนมไหว้พระจันทร์

ดังนั้น จึงเคารพบูชา “เฒ่าจันทรา” ตั้งแต่นั้นมา เมื่อถึงวันไหว้พระจันทร์ เขาและเมียก็จะแสดงความกตัญญู ระลึกถึง เชื้อเชิญมาเพื่อถวายขนมและน้ำผึ้งเป็นประจำทุกปี จนวาระสุดท้ายของชีวิต

หลังเที่ยงคืน  ทิวานั่งงีบบนเก้าอี้โยกที่ชานเรือน เมื่อตะวันเริ่มฉายแสงของวันใหม่ เขาอาบน้ำ แต่งตัว เตรียมกลับกรุงเทพฯ 

“ไว้มูนเข้ากรุงเทพฯ จะไปไหว้เทพจันทราที่วัดเล่งเน่ยยี่สักหน่อย” บุหลันว่า

“ขอเนื้อคู่เหรอ” ทิวาพูดหยอกๆ 

“ โอ้ย ไม่เอาหรอก ผู้ชาย …. คนที่ใกล้กันเกินไป ให้ร่มเงาแก่กันไม่ได้หรอก ! … ไว้ปีหน้าเจอกันนะ  ขับรถดีๆ ปลอดภัยนะซัน” ทั้งสองโอบกอด และยิ้มให้แก่กันเหมือนทุกปี …

และอย่างที่  Nai Mu เกริ่นไว้ตั้งแต่ต้นว่า วันไหว้พระจันทร์ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ทางจันทรคติจีน ปีนี้ตรงกับวันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม 2568  เตรียมคิดกันได้เลย ว่าจะขออะไรพระจันทร์ดี 

เรื่อง : โดย  Nai Mu

เรื่อง – รูป บางส่วนจากอินเทอร์เน็ต 

Leave feedback about this

  • Rating

Destination, Food

“เปิดตำนา

Culture, God's City

‘จ่าง แซ่

Destination, Food

ฉลองค่ำคื

PR news, TICY PR

กรุงเทพฯ

PR news

บมจ. เออา