Ticy City มาชวนไปส่องรถยนต์คอมแพ็คเอสยูวีจากค่ายรถยนต์แดนซากุระ นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ ที่มาพร้อมเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์เจเนอเรชั่น 2 (2nd Generation e-POWER) ให้ได้สนุกไปกับความแรงอีกขั้น กับประสบการณ์การขับขี่เสมือนรถยนต์ไฟฟ้า 100% เต็มรูปแบบโดยไม่ต้องพึ่งพาการชาร์จไฟฟ้าสู่แบตเตอรี่จากภายนอก แต่มีพละกำลังที่เพิ่มขึ้น และอัตราเร่งในทันที ซึ่งเป็นจุดเด่นของรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
โดยมีทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่: E, V, VL และ AUTECH มาพร้อม 7 สีภายนอก ได้แก่ สีน้ำเงินไนท์บลู (Night Blue) สีเทากันเมทาลิค (Gun Metallic) สีขาวสตอร์มไวท์ (Storm White) สีดำแบล็คสตาร์ (Black Star) สีแดงเรเดียนท์เรด (Radiant Red) สีส้มโมนาร์ช (Monarch Orange) และ สีเงินบริลเลียนท์ซิลเวอร์ (Brilliant Silver)
นอกจากนี้ยังนำเสนอสีทูโทนที่เป็นทางเลือกใหม่เพื่อความรู้สึกหรูหรามากขึ้น ด้วยหลังคาแบบลอยตัวสีดำ โดดเด่นสะกดทุกสายตา ซึ่งมีให้เลือกเฉพาะในรุ่น VL และรุ่น AUTECH โดยในรุ่น VL มีสีภายนอกแบบทูโทน 4 สี ได้แก่ สีส้มโมนาร์ช สีแดง เรเดียนท์เรด สีเทากันเมทาลิค และสีขาวสตอร์มไวท์ ขณะที่รุ่น AUTECH มี 4 สีภายนอก โดยเป็นสีทูโทน ที่มาพร้อม หลังคาสีดำ 3 สีได้แก่ สีน้ำเงินไนท์บลู สีเทากันเมทาลิค สีขาวสตอร์มไวท์ และ สีโมโนโทน สีดำ แบล็คสตาร์
พลังที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจมากยิ่งขึ้น
สำหรับ อี-พาวเวอร์ เจเนอเรชั่นที่ 2 (2nd Generation e-POWER) นี้ พัฒนาขึ้นโดยยึดแนวคิดการเคลื่อนที่อัจฉริยะของนิสสัน หรือ นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี (Nissan Intelligent Mobility) โดยยังคงใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนรถ และใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในขนาดเล็กทำหน้าที่เสมือนเป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าส่วนตัว เพื่อสร้างกระแสไฟฟ้ากำลังสูง ส่งเข้าแบตเตอร์รี่ลิเทียมไอออน ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จพลังงานไฟฟ้าจากภายนอกหรือการหาสถานีชาร์จ แต่ได้ประสบการณ์ในด้านพละกำลังและสมรรถนะการขับขี่ที่คล่องแคล่ว ว่องไว เฉกเช่นเดียวกับรถยนต์ไฟฟ้า
ซึ่งภายใต้ระบบอี-พาวเวอร์ เจเนอเรชั่นที่ 2 นี้นิสสันได้รวมเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) กับมอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor) ไว้เป็นยูนิตเดียวกัน ทำให้ส่วนของ Inverter มีขนาดเล็กลง 40% น้ำหนักลดลง 30% และเพิ่มความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Lithium-ion battery) มากขึ้นเป็น 2.06 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) ช่วยให้เครื่องยนต์มีการทำงานเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าน้อยครั้งลง ลดแรงสั่นสะเทือนและเสียงรบกวนจากการสตาร์ทของเครื่องยนต์ได้ดีมากยิ่งขึ้น
โดยเครื่องยนต์สันดาปภายในของระบบอี-พาวเวอร์ มีการทำงานในรอบเครื่องยนต์ที่เหมาะสมที่สุดในการผลิตกระแสไฟฟ้า และยังประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างดีเยี่ยม โดยยังคงใช้เครื่องยนต์ HR12DE ขนาด 1.2 ลิตร 3 สูบแถวเรียง DOHC (Double Overhead Camshaft) 12 วาล์ว ทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ต่อพ่วงไปยังส่วนประกอบของระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่สำคัญ ๆ อาทิ เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) มอเตอร์ไฟฟ้า (Electric Motor) ที่ให้กำลังสูงสุด 136 แรงม้า (PS) มีแรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร (Nm) และแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 2.06 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWh) มีจำนวน 4 โมดูล 96 เซลล์ ทำให้การเร่งความเร็วราบรื่น มีความเงียบ และประหยัดน้ำมันที่มีประสิทธิภาพสูงด้วยอัตราประหยัดน้ำมันถึง 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร ในขณะที่อัตราประหยัดน้ำมันสำหรับการขับขี่ในเมืองประหยัดถึง 26.3 กิโลเมตรต่อลิตร
3 จุดเด่นใหม่
เทคโนโลยี : มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 2.06 กิโลวัตต์-ชั่วโมง (kWH) ให้พละกำลัง และแรงบิดสูงต่อเนื่อง เร่งเร็ว แรงมากยิ่งขึ้น มอเตอร์ไฟฟ้าเดินเงียบ มาพร้อมเทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ “อี-เพดดัล สเต็ป” (e-Pedal step) ที่พัฒนาให้ดียิ่งขึ้น สามารถเร่ง หรือชะลอความเร็วได้เพียงการใช้แป้นคันเร่งเดียวเท่านั้น และยังให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ที่มากขึ้นกว่าเดิม
ลุคใหม่ : เสริมดีไซน์ทันสมัย กับครั้งแรกของรุ่น ออเทค (Autech) สุดสปอร์ต เท่ หรู ถูกใจคนรุ่นใหม่กับดีไซน์ภายนอกที่ดูโฉบเฉี่ยวมากขึ้น อีกทั้งภายในห้องโดยสารยกระดับความหรูหราด้วยคอนโซลกลาง และ คันเกียร์ไฟฟ้ารูปแบบใหม่ พร้อมเพิ่มวัสดุบุนุ่มที่จุดสัมผัสต่างๆ เติมเต็มสไตล์พรีเมียมด้วยการตกแต่งทูโทน ด้วยหลังคาสีดำ เสริมความเท่ หรูอีกระดับกับรุ่นออเทคที่มาพร้อมชุดแต่งสีเงินเมทัลลิภายนอกรอบคัน ภายในโทนสีดำเสริมการตกแต่งด้วยสีน้ำเงินอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของออเทค ปลอดภัย สะดวกสบาย : กับเทคโนโลยีความปลอดภัยรอบคัน 360° Safety Shield ขั้นสูงครบครัน รวมถึงความสะดวกสบายของการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ผ่าน Android Auto และ Apple Car Play ประโยชน์ใช้สอยในส่วนพื้นที่ขนสัมภาระ, คอนโซลกลางใหม่ที่ออกแบบมาให้เข้ากับสรีรศาสตร์ของผู้ขับขี่ และการปรับเบาะที่นั่งเพื่อรองรับทุกการใช้งาน
โหมดการขับขี่และการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า
Normal mode : การขับขี่แบบปกติที่ให้อัตราเร่งความเร็วดีเยี่ยม การใช้งานเหมือนขับขี่รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปทั่วๆ ไป มีโหมด D สำหรับการขับขี่ปกติ และ B ที่เพิ่มแรงหน่วงขณะลดความเร็ว ลดการใช้ผ้าเบรก และสร้างกระแสไฟฟ้ากลับคืนได้มากขึ้น
Sport mode : เพิ่มสมรรถนะการขับเคลื่อนและตอบสนองอัตราเร่งและการชะลอความเร็วที่ดียิ่งขึ้น
ECO mode : เน้นการออกตัวที่นุ่มนวล ปรับการทำงานของระบบอี-พาวเวอร์ ให้ลดการใช้พลังงานที่สิ้นเปลืองลง ทำให้เครื่องยนต์และระบบมีการใช้เชื้อเพลิงและพลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
EV mode : ปรับเปลี่ยนให้รถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เหลือภายในแบตเตอรี่ โดยเครื่องยนต์จะไม่ทำงานจนกระทั่งพลังงานในแบตเตอรี่อยู่ในระดับต่ำ สัมผัสถึงความเงียบ
โดย อี-เพดดัล สเต็ป(e-Pedal Step) เทคโนโลยีคันเร่งอัจฉริยะ ที่สามารถเร่งและลดความเร็วเพียงการใช้แป้นคันเร่งเดียวเท่านั้น จะทำงานร่วมกับโหมดการขับขี่ Sport MODE และ ECO MODE (ทั้งตำแหน่ง D และ B) เมื่อผู้ขับขี่ยกเท้าจากคันเร่ง รถจะชะลอความเร็วลงอย่างนุ่มนวล โดยความเร็วจะลดลงต่ำสุด 5 กม./ชม. (แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักบรรทุกและความลาดชันของทางที่ขับขี่) จึงช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายและง่ายมากขึ้น เช่น การกะระยะห่างระหว่างรถคันหน้า การชะลอเมื่อลงเขาหรือ เมื่อเจอลูกระนาดในเขตชุมชน และยังช่วยให้ผู้ขับขี่มีความสนุก มั่นใจมากขึ้นด้วยการชะลอความเร็วอย่างนุ่มนวลขณะทำการเข้าโค้ง นอกจากนี้ขณะที่ อี-เพดดัล สเต็ป ทำงาน เครื่องจะสามารถชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ขณะลดความเร็ว เมื่อมีการยกหรือถอนเท้าออกจากคันเร่ง
ดีไซน์เร้าใจ เอกลักษณ์เฉพาะตัว
คิกส์ อี-พาวเวอร์ เป็นรถยนต์รุ่นแรกในประเทศไทย ที่มีรุ่นพิเศษ ออเทค เวอร์ชั่น โดย ออเทค เจแปน (Autech Japan, Inc) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของนิสสัน มอเตอร์ ที่มีชื่อเสียงในด้านงานออกแบบสไตล์ สปอร์ตพรีเมียม ด้วยความใส่ใจในรายละเอียดและการคัดเลือกวัสดุที่นำมาใช้ตกแต่งรถยนต์ นิสสัน และออเทค ทำงานร่วมกับฐานการผลิตนิสสันในประเทศต่าง ๆ เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ตามความต้องการของลูกค้าในแต่ละประเทศ ทำให้การออกแบบรถยนต์นิสสัน รุ่นออเทคมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ด้านการออกแบบภายนอกยังคงรูปลักษณ์ความสปอร์ต เท่ หรู สไตล์พรีเมียมทูโทน ที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ ของรุ่น AUTECH ด้วยสีหลังคาดำเงา และการออกแบบแนวเส้นหลังคาแบบทรงลอยตัว (floating roof line) เติมความสปอร์ตและพรีเมียมด้วยกระจังหน้าแบบ V-Motion พร้อมไฟหน้าและไฟตัดหมอกแบบ LED รวมถึงวัสดุตกแต่งไฟตัดหมอกคู่หน้า รับกับสเกิร์ตหน้าใหม่ สีเงินเมทัลลิค ทำให้ดูโฉบเฉี่ยว เช่นเดียวกับด้านข้างมาที่มาพร้อมสเกิร์ตข้างใหม่ สีเงินเมทัลลิค กระจกมองข้างสีเงินเมทัลลิคพร้อมไฟเลี้ยว LED และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่สีดำเงาขนาด 17 นิ้ว เพิ่มความทันสมัยมากยิ่งขึ้น สำหรับด้านท้ายมาพร้อมไฟท้ายแบบ LED ทรงบูมเมอแรง และวัสดุตกแต่งประตูท้ายใหม่ (New Rear Finisher Panel) กันชนหลังตกแต่งด้วยสเกิร์ตหลังใหม่สีเงินเมทัลลิค
สำหรับภายในห้องโดยสาร ออกแบบด้วยโทนสีดำ ตกแต่งด้วยสีน้ำเงิน สอดคล้องกับคอนโซลหน้า ขณะที่คอนโซลกลาง ตกแต่งด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์สีดำ เดินด้ายสีน้ำเงินที่ตัดกันอย่างลงตัว เสริมด้วยวัสดุสีดำเงา เปียโน แบล็ค เพิ่มอารมณ์สปอร์ต และทุกรุ่นนั้นพร้อมกับพวงมาลัยหุ้มด้วยหนังแท้ และคอนโซลกลางใหม่ ที่ได้รับออกแบบให้พอดีกับการตอบรับทางสรีรศาสตร์ พร้อมหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ TFT อัจฉริยะขนาด 7 นิ้ว ปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้หลายรูปแบบ และเพิ่มฟังก์ชันการแสดงสถานะไฟเบรกระหว่างใช้ระบบ อี-เพดดัล สเต็ป (e-Pedal Step) หัวเกียร์ดีไซน์ใหม่ทันสมัย ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำ เปียโน แบล็ค พร้อมไฟตกแต่งที่ขอบ ทำให้มองเห็นชัดเจน สะดวกสบาย ง่ายต่อการใช้งาน นอกจากนี้ยังเพิ่มวัสดุบุนุ่มภายในถึง 3 จุด คือที่เท้าแขนตรงคอนโซลกลาง ขอบเบาะนั่ง และช่องเก็บของด้านหน้า ทั้งยังเพิ่มขนาดพื้นที่วางแก้วน้ำตอนหน้า 2 ตำแหน่ง ที่สามารถปรับระดับ และขนาด เพื่อรองรับแก้วทรงสูงที่มีขนาดใหญ่ และแก้วกาแฟร้อนทรงเตี้ยได้เป็นอย่างดี
เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง
สำหรับในส่วนนี้ Ticy City มองว่าสำคัญอย่างยิ่ง และนิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง แถมยังให้ความอุ่นใจ และมั่นใจในการขับขี่ ด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยและช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงรอบคัน Nissan 360° Safety Shield อาทิ
เทคโนโลยีแจ้งเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ Lane Departure Warning (LDW) เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ช่วยให้ผู้ขับขี่รักษาแนวการเดินรถในช่องทาง และจะแจ้งเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจเมื่อขับขี่ในระดับความเร็วสูงกว่า 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (High Beam Assist – HBA) ที่จะปรับระดับการส่องสว่างของไฟหน้า พร้อมตรวจจับและตอบสนองความเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของรถที่วิ่งสวนทางแบบอัตโนมัติ
เทคโนโลยีควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะ (Intelligent Cruise Control – ICC) ซึ่งควบคุมความเร็วที่สั่งการได้อัตโนมัติและช่วยลดภาระของผู้ขับขี่ เมื่อรถคันหน้าลดความเร็วลง ระบบจะรักษาระยะห่างระหว่างกับรถคันหน้าตามที่ตั้งค่าไว้ได้เองโดยอัตโนมัติจนถึงระดับรถหยุดนิ่งภายใน 2 วินาที และเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัว ระบบจะปรับความเร็วขึ้นเองโดยอัตโนมัติกลับไปสู่ความเร็วที่ผู้ขับได้ตั้งไว้ และสามารถตั้งค่าระยะห่างจากรถคันหน้าได้ถึง 3 ระดับ
เทคโนโลยีเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ (Intelligent Forward Collision Warning – IFCW) ซึ่งจะส่งสัญญาณเสียงพร้อมสัญลักษณ์เตือนบนหน้าปัด หากพบความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้า
เทคโนโลยีช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ (Intelligent Emergency Braking – IEB) ระบบจะทำงานร่วมกับเทคโนโลยีช่วยเตือนก่อนการชนด้านหน้าอัจฉริยะ โดยจะช่วยวิเคราะห์ระยะห่างและความเร็วของรถยนต์ด้านหน้า เพื่อช่วยชะลอความเร็วและหยุดรถเพื่อลดความเสียหายที่จะเกิดจากอุบัติเหตุ
เทคโนโลยีเตือนจุดอับสายตา (Blind Spot Warning – BSW) ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยเมื่อเปลี่ยนช่องทางการขับขี่ ทันทีที่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ระบบจะส่งเสียงพร้อมไฟกระพริบเตือนให้รู้ล่วงหน้าว่าขณะนั้น มีรถคันอื่นอยู่ในช่องทางขับขี่ด้านข้าง ในตำแหน่งที่ผู้ขับขี่มองไม่เห็น
เทคโนโลยีเตือนรถในทางสวนขณะถอยรถ (Rear Cross Traffic Alert – RCTA) ขณะเข้าเกียร์ถอยหลัง หากระบบตรวจพบรถที่กำลังเคลื่อนเข้ามาทางด้านหลังทั้งซ้ายและขวา จะส่งสัญญาณเตือนพร้อมไฟกระพริบเตือนในด้านเดียวกันกับที่มีรถเคลื่อนที่เข้ามา
เทคโนโลยีกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (Intelligent Around View Monitor – IAVM) และเทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคัน (Moving Object Detection – MOD) เทคโนโลยีอัจฉริยะนี้ช่วยให้เห็นพื้นที่ข้างรถได้รอบทิศทางผ่านกล้อง 4 จุดรอบคัน กล้องทุกตัวจะจับภาพขณะเคลื่อนไหวจริง และแสดงผลเป็นภาพจากมุมสูงผ่านหน้าจอระบบสัมผัสแปดนิ้ว ซึ่งช่วยให้การจอดรถง่ายและปลอดภัยขึ้น และยังทำงานร่วมกับเทคโนโลยีตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนวัตถุและบุคคลที่เคลื่อนไหวจากกล้องรอบคันหรือ Moving Object Detection (MOD) ซึ่งทำหน้าที่ตรวจจับและส่งสัญญาณเตือนเมื่อตรวจพบบุคคลหรือวัตถุที่จับการเคลื่อนไหวได้
เทคโนโลยีกระจกมองหลังอัจฉริยะ (Intelligent Rear View Mirror – IRVM) กระจกมองหลัง มีหน้าจอ LCD ที่แสดงภาพจากกล้องด้านหลังตัวรถ โดยภาพบนจอจะช่วยให้เห็นทัศนวิสัยด้านหลังในมุมที่กว้างขึ้น และสามารถเลือกปรับเปลี่ยนระหว่างจอแสดงภาพจากกล้องหรือจากกระจกได้ เพื่อช่วยให้เห็นสภาพการจราจรด้านหลังได้อย่างชัดเจนที่สุด เทคโนโลยี IRVM นี้ช่วยเสริมความปลอดภัยและความสะดวกสบายในกรณีที่มีการบรรทุกสัมภาระหรือมีผู้โดยสารนั่งด้านหลัง
เทคโนโลยีช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (Hill Start Assist – HSA) เมื่อขับรถขึ้นบนทางลาดชันระบบจะช่วยป้องกันไม่ไห้ตัวรถไหลลงขณะออกตัว เมื่อยกเท้าออกจากแป้นเบรก ระบบจะสั่งให้เบรกทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเหยียบคันเร่งและออกตัวอย่างนุ่มนวล
ด้านระบบความปลอดภัยมาตรฐาน
เทคโนโลยีควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ (Vehicle Dynamic Control – VDC) จะควบคุมการชะลอความเร็ว รวมถึงการตอบสนองของกำลังเครื่องยนต์ ช่วยรักษาเสถียรภาพการทรงตัวของรถขณะหักหลบกะทันหัน ให้ความมั่นใจ ตอบสนองทุกการขับขี่อย่างฉับไว ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ในสถานการณ์คับขัน
เทคโนโลยีช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง (Intelligent Trace Control – ITC) ระบบจะช่วยตรวจสอบและแก้ไขการบังคับเลี้ยวหรือการเร่ง ซึ่งจะช่วยปรับและควบคุมและเบรกล้อทั้ง 4 ให้เป็นไปตามพฤติกรรมของผู้ขับขี่ ที่ง่ายต่อการควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง โดยระบบจะประเมินจากพฤติกรรมการขับขี่ ทั้งการบังคับพวงมาลัย การเบรก และการเร่งความเร็ว
6 ถุงลมนิรภัย SRS ประกอบด้วย ถุงลมเสริมความปลอดภัยด้านหน้าฝั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร , ถุงลมเสริมความปลอดภัยด้านข้างฝั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และ ถุงลมเสริมความปลอดภัยม่านด้านข้างซ้ายและขวา เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งในทุกรุ่นของนิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ(Pretensioner and Load Limiter Seatbelts) สามารถปรับระดับได้ตามขนาดร่างกายของผู้โดยสารแต่ละคน เข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า ELR แบบสามจุด ELR และสามารถดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ เข็มขัดนิรภัยที่นั่งด้านหลัง ELR แบบสามจุดสามตำแหน่งที่นั่ง เสริมความปลอดภัยด้วยจุดยึดเบาะที่นั่งเด็กแบบ ISOFIX เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารที่เป็นเด็ก
ระบบเบรก ABS, EBD และ BA ซึ่งระบบเบรกป้องกันล้อล็อค (Anti-lock Braking System – ABS) ระบบกระจายแรงเบรก (Electric Brake Force Distribution System – EBD) ระบบเสริมแรงเบรก (Brake Assist – BA) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบหยุดรถอัตโนมัติ (Auto Brake Hold) และไฟเบรกดวงที่สามพร้อมไฟ LED สามารถมองเห็นได้ชัดเจน
NissanConnect: ระบบอินโฟเทนเมนต์
เป็นส่วนที่สนองไลฟ์สไตล์โดยเฉพาะ
สำหรับรุ่น V, VL และ AUTECH ระบบอินโฟเทนเมนต์ Nissan Connect สามารถรองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน Android Auto**** และ Apple CarPlay เพื่อใช้งานแอปพลิเคชันในมือถือผ่านจอเครื่องเสียงรถยนต์ระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว (สำหรับรุ่น V ขึ้นไป) และระบบเชื่อมต่อ Bluetooth, USB และ AUX-IN พร้อมระบบนำทาง (Navigation System) ผ่าน Google Map และระบบสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Recognition) พร้อมกับลำโพงคุณภาพสูง 6 ตำแหน่ง เพื่อความเพลิดเพลินในทุกการเดินทาง
รุ่น E เป็นระบบเครื่องเสียงมาตรฐาน วิทยุ AM / FM พร้อมการเชื่อมต่อบลูทูธ USB และ AUX-in และลำโพงคุณภาพสูง 4 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ยังมีความสะดวกสบายที่มาพร้อมอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น พวงมาลัยสปอร์ตหุ้มด้วยหนังแท้แบบมัลติฟังก์ชัน ทรง D-Shape ปรับสูงต่ำได้ สามารถควบคุมระบบการทำงานของเครื่องเสียงและระบบเชื่อมต่ออื่นๆ ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส / กุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Intelligent Key I-Key) พร้อมทั้งระบบ Immobilizer / ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ (Push Start Button) /เบาะนั่งด้านคนขับสามารถปรับระดับเพื่อความเหมาะสมกับขนาดร่างกาย ขณะที่ด้านหลังที่นั่งมีช่องเก็บของอเนกประสงค์ / ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ให้ความรู้สึกสบายตลอดการเดินทาง /กระจกไฟฟ้ารอบคัน พร้อมระบบป้องกันการหนีบ (Anti-jam Protection) ด้านคนขับ /ช่องวางขวดน้ำบริเวณแผงประตูหน้าและหลัง 4 ตำแหน่ง และกล่องเก็บของด้านหน้า / ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร และไฟห้องสัมภาระด้านท้าย /ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบตั้งเวลาหน่วง และระบบไล่ฝ้ากระจกหลังแบบตั้งเวลา /ที่วางแก้วเครื่องดื่มที่ออกแบบมาใหม่สามารถรองรับแก้วเครื่องดื่มทุกขนาดทุกรูปแบบที่มีอยู่ในตลาด และที่เก็บสัมภาระด้านหลังรถกว้างขวางมากขึ้น จุดสัมภาระได้ถึง 423 ลิตร หรือสามารถบรรทุกกระเป๋าเดินทางใหญ่ 30 นิ้ว 2 ใบได้สบายๆ รวมถึงสามารถปรับเปลี่ยนการวางสัมภาระได้หลายรูปแบบ ที่นั่งตอนหลังสามารถพับแยกแบบ 60:40 และ พับราบ เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่างลงตัว
นอกจากนี้ นิสสัน คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ ยังคงความปลอดภัยและความแข็งแกร่ง บนพื้นฐานโครงสร้างตัวถัง Zone body Concept อันเป็นมาตรฐานของนิสสัน ด้วยโครงสร้างตัวถังรถที่ถูกสร้างให้สามารถดูดซับพลังงาน รับแรงกระแทก จึงทำให้ตัวถังมีความแข็งแกร่ง ปลอดภัย เหมาะสมสำหรับการขับขี่ทั้งในเมืองและการขับขี่ในระยะทางไกล รวมถึงขนาดตัวถังในรุ่นมาตรฐาน ยาว 4,290 มม. กว้าง 1,760 มม. และสูง 1,610 มม. ระยะฐานล้อ 2,615 มม. รัศมีวงเลี้ยว 5.1 เมตร มาพร้อมพวงมาลัยระบบเพาเวอร์ควบคุมด้วยไฟฟ้า ทำให้รถมีความคล่องตัวในทุกสภาพเส้นทาง
ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ nissan.co.th, Facebook, Instagram, Twitter และ YouTube
Leave feedback about this