สะพานที่ใครก็อยากข้ามสักครั้งในชีวิต แต่รู้ไหม… มันเคยทำให้คนกลัวจนไม่กล้าเดิน และล่าสุด มันเพิ่งเจอเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด
Brooklyn Bridge หรือ สะพานบรูคลิน ถือเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กนิวยอร์กที่คนทั่วโลกใฝ่ฝันอยากมาเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิต โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวสายถ่ายรูปและสายเดินชมเมือง สะพานแห่งนี้คือ ที่เที่ยวถ่ายรูปในนิวยอร์ก ที่ไม่ควรพลาด
แต่รู้ไหมว่า Brooklyn Bridge เคยไม่ได้รับการยอมรับตั้งแต่แรก? ผู้คนในยุคนั้นต่างหวาดกลัว ไม่กล้าแม้แต่จะเหยียบย่างลงบนสะพาน และล่าสุดยังมีเหตุการณ์สำคัญที่กลายเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของสะพานแห่งนี้
ในฐานะที่ผู้เขียนเคยใช้ชีวิตอยู่ฝั่งบรูคลินมาหลายปี การเดินข้าม Brooklyn Bridge จึงกลายเป็นกิจวัตรและเส้นทางแห่งแรงบันดาลใจที่ยากจะลืม มันเต็มไปด้วยเรื่องเล่าทั้งจากอดีตและปัจจุบัน ที่สะท้อนถึงจิตวิญญาณของ มหานครนิวยอร์ก ได้อย่างลึกซึ้ง
Brooklyn Bridge ไม่ได้เป็นเพียงสะพานที่ทอดข้ามแม่น้ำ East River แต่คือสะพานที่พาคุณข้าม “อีกฝั่งหนึ่ง” สู่ “อีกโลกหนึ่ง” ที่เรียกว่า Manhattan เมืองที่เป็นศูนย์กลางของพลังงาน ความฝัน และจินตนาการของเมืองที่ไม่เคยหลับใหล

เดินข้าม Brooklyn Bridge: ประสบการณ์นิวยอร์กแท้ ๆ ที่คุณไม่ควรพลาด
หากคุณวางแผนจะ เที่ยวนิวยอร์ก การได้เดินข้ามสะพานจากฝั่ง Brooklyn ไปยัง Manhattan โดยเฉพาะในช่วงเช้าหรือยามเย็น คือหนึ่งในกิจกรรมที่ควรใส่ไว้ใน Bucket List ของคุณ
คุณจะได้ชมวิวตึกระฟ้าที่สวยสะกดใจ เสียงรถไฟใต้ดินและรถยนต์เบื้องล่าง เส้นลวดเหล็กที่สานไขว้กันอย่างวิจิตรบรรจง และแสงแดดอุ่น ๆ ที่แตะขอบฟ้า — ทั้งหมดนี้คือฉากเปิดตัวของ มหานครนิวยอร์ก ที่ไม่มีไกด์บุ๊กเล่มไหนเล่าได้ครบ
อีกฝั่งหนึ่งของสะพานคือจุดเริ่มต้นของ Manhattan ไม่ว่าจะเป็นย่านการเงิน (Financial District), ตึก One World Trade Center หรือสวนสาธารณะเลียบแม่น้ำ — ทุกย่างก้าวคือการเข้าสู่เมืองที่ไม่เคยหลับใหล เมืองที่เต็มไปด้วยพลัง ความฝัน และแรงบันดาลใจ

จุดเริ่มต้นของ Brooklyn Bridge ไม่ใช่แค่เรื่องของวิศวกรรม แต่คือเรื่องของครอบครัว
Brooklyn Bridge ประวัติ เริ่มต้นในปี 1869 โดย John A. Roebling วิศวกรผู้มีฝันอยากสร้างสะพานแขวนข้ามแม่น้ำ East River แต่โชคร้ายที่เขาเสียชีวิตก่อนจะได้เริ่มลงมือจริง ลูกชายของเขา Washington Roebling รับช่วงต่อ พร้อมภรรยา Emily Roebling ที่กลายเป็นสตรีคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ควบคุมการก่อสร้างสะพาน
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของโครงเหล็กหรือเส้นลวด แต่มันคือความฝัน ความรัก และความสูญเสียที่รวมกันเป็นหนึ่งเดียว
สะพานที่เคยทำให้คนกลัว… จนต้องใช้ “ขบวนช้าง” มาพิสูจน์
ในปี 1883 หลังจากสะพานเปิดใช้อย่างเป็นทางการ ชาวนิวยอร์กหลายคนไม่กล้าเดินข้าม เพราะกังวลว่าสะพานอาจพังลงมา
เพื่อเรียกความมั่นใจ คณะละครสัตว์ P.T. Barnum จึงจัดขบวน “ช้าง” เดินข้ามสะพาน กลายเป็นภาพจำในประวัติศาสตร์ที่ช่วยทำให้สะพานนี้กลายเป็นแลนด์มาร์กที่ใคร ๆ ก็วางใจจะมาเยือน

เหตุการณ์ล่าสุดที่สะเทือนใจ: เรือกองทัพชนสะพาน
ในเดือนพฤษภาคม 2025 ที่ผ่านมา สะพานบรูคลินเผชิญเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อเรือของกองทัพเรือเม็กซิโกชนเข้ากับโครงสร้างใต้สะพานอย่างแรง จนเสากระโดงหักและเกิดความเสียหายกับตัวเรือ
แม้โครงสร้างหลักของสะพานจะไม่ได้รับความเสียหายร้ายแรง แต่เหตุการณ์นี้ก็ทำให้เกิดความสูญเสียอีกทั้งบาดเจ็บอีกหลายราย และเตือนใจเราว่าสะพานที่แข็งแรงที่สุดในโลก ก็ยังมีวันที่ต้องเผชิญพายุ

Brooklyn Bridge วันนี้ ไม่ใช่แค่ “สะพาน” แต่คือเวทีของแรงบันดาลใจ
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่สะพานบรูคลินจะกลายเป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ต ถ่ายทำหนัง ถ่ายพรีเวดดิ้ง และภาพแฟชั่นระดับโลก ด้วยวิวแม่น้ำที่ตัดกับเส้นขอบฟ้าของแมนฮัตตัน เส้นลวดถักที่ทอดยาว และแสงพระอาทิตย์ตกในยามเย็น สะพานแห่งนี้สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนทุกเพศทุกวัย
ผู้เขียนเคยเห็นทั้งนักดนตรีริมทางที่เป่าแซกโซโฟนอย่างเศร้าสร้อย ไปจนถึงคู่รักที่ถ่ายภาพแต่งงานตรงกลางสะพาน Brooklyn Bridge ไม่เคยหลับใหล มันเต็มไปด้วยชีวิต เรื่องราว และความฝันของผู้คนที่เดินผ่าน

ทำไม Brooklyn Bridge ถึงเป็นที่ที่ควรไปให้ได้สักครั้งในชีวิต?
Brooklyn Bridge ไม่ได้เป็นแค่แลนด์มาร์กของนิวยอร์ก แต่มันคือเรื่องเล่าที่มีทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตร้อยเรียงอยู่ในโครงสร้างเดียวกัน
ทุกก้าวที่คุณเดินบนสะพานนี้ คือการเหยียบย่างบนเส้นทางที่เคยผ่านบทพิสูจน์นับไม่ถ้วน จากความกลัวในวันแรก ไปจนถึงแรงศรัทธาที่ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในสะพานที่ผู้คนหลั่งไหลมาเยือนไม่เคยขาด
หากคุณกำลังวางแผนเที่ยวนิวยอร์ก อย่าเพียงแค่มองผ่าน…ลองเดินข้ามสะพานนี้ด้วยหัวใจ แล้วคุณจะรู้ว่าทำไม Brooklyn Bridge ถึงยังยืนอยู่ และยังมีความหมายไม่เปลี่ยนเลย
เรื่อง: Amy Sukkasem
Source: Scripps News, NYC.gov, ABCNews, History.com
Image: Freepik, GettyImage
Leave feedback about this