‘เทศกาลเนื้อวัวอเมริกัน’ หรือ ‘American Beef Feast’ นำเสนอเนื้อวัวอเมริกันเกรดพรีเมี่ยม นำเข้าโดย ‘กูร์เมท์ วัน’ ให้บีฟเลิฟเวอร์ได้ลิ้มลองอีกครั้ง พร้อมแคมเปญพิเศษในโรงแรมห้าดาวและร้านอาหารชั้นนำ วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2567
กูร์เมท์ วัน ฟู้ดส์ เซอร์วิส (ประเทศไทย) และ กระทรวงเกษตรสหรัฐอเมริกา (USDA) ประจำสถานเอกอัครราชทูตอเมริกาประจำประเทศไทย จัดแคมเปญเอาใจบีฟเลิฟเวอร์ใน เทศกาลเนื้อวัวอเมริกัน (American Beef Feast) นำเสนอรสชาติแห่งความเป็นเลิศของเนื้อวัวอเมริกัน โดยเฉพาะ USDA เกรดพรีเมี่ยมที่นำเข้ามาเป็นพิเศษ
งาน เทศกาลเนื้อวัวอเมริกัน จัดขึ้น ณ โรงแรม เจดับบลิว แมริออท กรุงเทพฯ โดยได้รับเกียรติจาก มร. โรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เป็นประธานในงานและเป็นผู้มอบ “American Black Angus Sculpture” ประติมากรรมรูปวัวแบล็คแองกัส ที่ กูร์เมท์ วัน จัดทำขึ้นเป็นพิเศษเพื่อมอบให้ผู้เข้าร่วมแคมเปญ
American Beef Feast จัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2567 โดยมีโรงแรมระดับ 5 ดาว และร้านอาหารชั้นนำในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ พัทยา และขอนแก่น จำนวน 17 แห่ง เข้าร่วมแคมเปญ นำเสนอเมนูพิเศษที่ปรุงด้วยเนื้อวัว USDA เกรดพรีเมี่ยมทั้ง USDA Prime, Choice และ Select เพื่อให้บีฟเลิฟเวอร์ ได้สัมผัสกับเนื้อวัวที่ได้รับการยกย่องทั่วโลกในด้านความนุ่ม ความฉ่ำ และรสชาติที่เข้มข้น
และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทำอาหารที่บ้าน สามารถหาซื้อเนื้อ USDA พรีเมี่ยมคัทเหล่านี้ได้ที่ ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ 17 สาขาทั้งในกรุงเทพฯ และเมืองท่องเที่ยวหลัก
คุณพัชรินทร์ เหมอังกูร ผู้บริหาร กูร์เมท์ วัน บอกว่า
“แบล็คแองกัสเป็นวัวสายพันธุ์ที่มีชื่อเสียงในการผลิตเนื้อวัวคุณภาพสูงอย่างสม่ำเสมอ วัวพันธุ์นี้จึงได้กลายเป็นมาตรฐานระดับโลกสำหรับคุณภาพสเต๊ก รูปวัวแบล็คแองกัส จึงเป็นสัญญลักษณ์ของเนื้อวัวคุณภาพสูง
เนื้อวัวจากอเมริกาจะได้รับการันตีคุณภาพมาตรฐานจาก USDA หน่วยงานที่จัดทำระบบ “เกรด” ของเนื้อ โดยแบ่งระดับคุณภาพเนื้อตามชั้นไขมัน แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่
USDA Prime: เกรด “ไพร์ม” เป็นเนื้อคุณภาพดีเยี่ยม อุดมไปด้วยลายไขมันแทรกอยู่ในเนื้อ เนื้อมีความนุ่มและเนียนละเอียด มีความฉ่ำ และรสชาติที่เข้มข้น เหมาะสำหรับการปิ้ง ย่าง
USDA Choice: เกรด “ชอยส์” เป็นเนื้อที่มีคุณภาพรองลงมาจากเกรดไพร์ม แม้จะมีไขมันแทรกน้อยกว่า แต่เนื้อยังคงมีรสชาติ ความชุ่มฉ่ำ และความนุ่มที่ยอดเยี่ยม เป็นเนื้อที่เหมาะแก่การทำสเต๊ก การปิ้ง ย่าง และตุ๋น
USDA Select: เกรด “ซีเล็ค” เป็นเนื้อคุณภาพ แม้จะมีไขมันแทรกน้อยกว่า Prime หรือ Choice เหมาะสำหรับการตุ๋นหรือหมักเพื่อเพิ่มความนุ่มและรสชาติ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนรักสุขภาพที่ชอบทานเนื้อไม่เน้นไขมัน
คุณแซม บึ้งชัยภูมิ (Mr. Sam Bungchaiyapoom ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของ กูร์เมท์ วัน ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า
“ช่วงโควิด เนื้อยูเอสส่งออกไม่ได้เนื่องจากผลิตไม่ได้เลย อเมริกาเป็นประเทศที่ผลิตเนื้อมากที่สุดในโลก พอเจอโควิดก็ปิดหมดทุกอย่าง ฟาร์มปิด คนงานกลับบ้าน ถึงมีก็ส่งออกไม่ได้เพราะเครื่องบินไม่บิน เรือก็ไม่มา แต่เขามีเนื้อโฟรเซ่นเก็บไว้เขาก็จำหน่ายภายในประเทศ พอหลังโควิดก็ยังมีเนื้อขายอยู่เพราะเป็นเนื้อเก่า แต่ก็ยังขายในประเทศ ถึงเวลาโควิดหมดเขาเปิดขาย ไม่ทันไรเนื้อยูเอสก็หมด”
คุณแซม บอกว่า กว่าจะมาเป็นสเต๊ก 1 ชิ้น ต้องใช้เวลา 2-3 ปี
“วัวทุกตัวต้องเลี้ยง 2-3 ปี เนื่องจากประเทศอเมริกาเป็นแหล่งผลิตที่เขาทำเป็นอุตสาหกรรม พอโควิดไปทำงานไม่ได้ แต่บ้านเรายังเลี้ยงวัวตามหมู่บ้านได้ แต่ของเขาหยุดคือหยุดเลย
พอหยุดไป 3 ปี ตอนนี้เริ่มกลับมาทำฟาร์ม แต่ยังไม่สามารถทำได้เต็มที่เพราะต้องมีหญ้า ข้าวโพด ในการเลี้ยงวัว รับสมัครพนักงานใหม่ ในขณะที่ประเทศออสเตรเลีย อุตสาหกรรมเนื้อวัวเขากลับมา 100% แล้ว แต่ในอเมริกาคิดว่าน่าจะ 50% จะกลับมาพร้อมเต็มที่เหมือนเมื่อก่อนน่าจะประมาณปลายปีหน้า”
โควิดทำให้อุตสาหกรรมเนื้อหยุดนิ่ง มาเริ่มเดินเครื่องใหม่เมื่อปี 2022 ระหว่างโควิดหรือช่วงเวลานี้ คนอเมริกันกินอะไร คุณแซมให้คำตอบว่า
“ในอเมริกามีซัพพลายเชนในส่วนอื่น ๆ ประเทศเขามีเนื้อให้บริโภค 3 เกรด คือ เกรดล่างสุด กลาง และบน ของกูร์เมท์ วัน ขายเฉพาะเนื้อเกรดบน
วัว 100 ตัว มีเนื้อเกรดบนแค่ 10 ตัว หรือ 10% เท่านั้น ที่เรียกว่าไพรม์ อันดับสองรองลงไปมีประมาณ 40% ที่เหลืออันดับ 3 ราว 60-70% ดังนั้นพอเปิดฟาร์ม คนทั่วโลกจดจำได้ว่าเนื้อยูเอสพรีเมี่ยมเกรดไพรม์ เป็นเนื้อคอร์นเฟด (corn fed) 100%”
คุณแซม อธิบายต่อว่า เนื้อยูเอสคือสายพันธุ์แบล็คแองกัส ซึ่งรสชาติแตกต่างจากเนื้อวากิว เนื้อออสเตรเลีย วัวแต่ละสายพันธุ์มีรสชาติและเฉดสีที่ไม่เหมือนกัน
“คนที่ชอบทานเนื้อยูเอสเขาจะชอบความเป็นบัทเทอรี่ (buttery) ทานไปปั๊บจะเหมือนเรากินข้าวโพดคลุกเนย ถ้าเดินเข้าใกล้ร้านสเต๊กจะได้กลิ่นออกมาเลย เนื้อยูเอสหอมอย่างนั้นเลย จะบัทเทอรีมาก ถ้าเราบ่มถูกวิธีนะ ทุกวันนี้เราบ่มตามสเต็ปของเขา จึงหอมกลิ่นเนยกับกลิ่นข้าวโพด”
เพราะวัวกินข้าวโพด 100% แต่อย่าเข้าใจว่าเลี้ยงวัวด้วยข้าวโพดอย่างเดียว คุณแซมให้ความรู้ว่า
“ไพรม์คือเลี้ยงด้วยคอร์นเฟด 100% แต่ต้องเลี้ยงให้ถึงอายุก่อนคือ 0-30 เดือน เข้าข่ายของเกรนเฟดก่อน (grain fed) ต้องให้ถึง 30 เดือนเท่านั้น แล้วฟาร์มไหนจะเลี้ยงไปถึง 31, 32, 33 ถึง 35 เดือน เรื่องของคุณ แต่ต้องได้มินิมั่ม 30 เดือน พอครบแล้วก่อนที่จะเชือดประมาณ 120-150 วัน จะให้วัวกินข้าวโพด 100% กินทุกวัน ๆ ละ 15 กิโลกรัม”
หลายคนเกือบเข้าใจผิดคิดว่าเลี้ยงวัวด้วยข้าวโพด คุณแซมบอกว่า คนเลี้ยงมีกรรมวิธีทำข้าวโพด เช่น อาจจะนึ่งหรือต้ม หรือทำเป็นอาหารสัตว์ เพราะให้เลี้ยงข้าวโพดตลอด 2-3 ปี ต้นทุนจะสูงมาก
“พอเลี้ยงด้วยข้าวโพดแล้วเข้าโรงเชือด แล้วแยกเกรด คัดไซส์ สีเนื้อ สีมัน เพื่อส่งออก
ถ้าเปนไพรม์ที่มีแค่ 10% ของอเมริกา คัดเกรดเป็น 3 ประเภทคือ ไพรม์ ชอยส์ ซีเล็ค ไพรม์อันดับสูง 10% ชอยส์ 35% เปอร์ และที่เหลือคือซีเล็ค คือเกรดต่ำสุด ขายในซูเปอร์หรือขายทั่วไปในอเมริกา เนื้อไพรม์จะส่งออก เพราะมีน้อย ขายได้ราคาสูง
จากที่เล่าว่าตอนโควิดหรือแม้กระทั่งหมดโควิดมาแล้ว เนื้อไพรม์ก็หายาก อย่าลืมว่า วัว 100 ตัวเลี้ยงมาไม่ได้คาดหวังจะเป็นไพรม์ทั้งหมด ใน 100 ตัวจะมีไพรม์ตามสเต็ปที่ผมบอก เขาก็พยายามเลี้ยงให้ได้แต่ไม่ได้ เพราะไพรม์มันของเนื้อจะต้องขาว ต้องมีลายสวย สีต้องได้ด้วย ไซส์ต้องได้ด้วย”
ถ้าเปรียบเทียบเนื้อเกรดไพรม์ ระหว่างเนื้ออเมริกา เนื้อออสเตรเลีย เนื้อญี่ปุ่น ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อบอกว่า
“ความพรีเมี่ยมของเนื้อไพรม์อเมริกา ถ้าเปรียบกับออสเตรเลีย อาร์เจนติน่า ญี่ปุ่น คนละอย่างกันเลย ยกตัวอย่างเนื้อมายูรา ที่เลี้ยงให้วัวกินแคนดี้ มีทั้งช็อกโกแลตเอ็มแอนด์เอ็มกับแคนดี้ ให้กินช่วงสุดท้ายก่อนเข้าโรงเชือด เหมือนเป็นอาหารว่างของวัว แต่ตอนเลี้ยงก็ใช้เกรนเฟด
ถ้าจัดอันดับมาร์เบิ้ล เนื้อยูเอสจะไม่มีมาร์เบิ้ล แต่พรีเมี่ยมตรงที่เป็นเนื้อวัวแองกัส 100% แองกัสเป็นสายพันธุ์ วากิวก็เป็นวัวอีกสายพันธุ์หนึ่ง เทียบกันไม่ได้คนละอย่างกัน
พูดในอีกมุมหนึ่ง แองกัสจะเป็นเหมือนนางงามเวเนซูเอล่า ทุกปีต้องติด 1 ใน 3 หรือไม่ก็ได้ที่ 1 ติดอันดับตลอด เป็นวัวสายพันธุ์ที่ยังไงก็ได้ที่ 1 ถ้าประกวดนะครับ
เพราะเกิดมาหุ่นสวย ลอนก็ตรง ไม่มีโหนก ไม่มีนูน ตรงเลย เนื้อเป็นสีแดงลายตรง มีสีขาววิ่งผ่าน แม้จะเลี้ยงด้วยหญ้า เพราะมาจากสายพันธุ์ ส่วนวากิวไม่ต้องให้กินอะไรแค่ดมเนื้อก็แตกมัน”
ผู้รู้เรื่องวัวอธิบายให้เห็นภาพ และเสริมว่า 3 ปีที่ผ่านมาไม่มีเนื้อยูเอสให้บีฟเลิฟเวอร์ชาวไทยเลย เพราะกูร์เมท์ วัน นำเข้าเฉพาะเนื้อเกรดสูง
“ปกติเรานำเข้าปีละประมาณ 10 ล้าน พอเริ่มเปิดมาขายที่นิวยอร์ก สเต๊กเฮาส์, นิวส์ทาเวิร์น, เจดับลิว แมริออท คือลูกค้า (ร้าน) เหนียวแน่นมาก พอไม่มีเนื้อเขาก็ไม่ขาย เขาก็ขายเนื้ออย่างอื่น ผมไม่มีให้เขา เขาก็ไม่ขาย เขาไม่เอาจากที่อื่นด้วย
แล้วพอเราเปิดขายเท่านั้นแหละ ลูกค้าประจำจองบัตรคิวเลย คนไทยชอบเนื้อยูเอสมาก คือชอบความมายล์ (mild) รสไม่จัด ทานแล้วไม่ต้องใช้ซอสใด ๆ เลย แค่เกลือกับพริกไทย ทานแบบนี้จะได้รสชาติของเนื้อชัดเจนมาก”
เนื้อยูเอสไพรม์กลับมาแล้ว แน่นอนว่าราคาไม่เหมือนเดิม
“พอเปิดตลาดปุ๊บ ราคาขึ้นไป 36% เมื่อก่อนเคยขายเนื้อวากิวสกอร์ 4-5 เท่ากับเนื้อยูเอส หลังจากเปิดตลาดมาเนื้อยูเอส ถ้าเทียบเมื่อก่อนจานละ 1 พัน ตอนนี้ 1,300-1,400 บาท เนื้อออสเตรเลียยังระดับหนึ่งพันอยู่ หลายร้านกลับมาเปิดขาย เริ่มลิสต์เมนูเข้าไปใหม่ ผมขายเดือนหนึ่งประมาณเกือบ 2 ตัน รวมร้านอาหารและโรงแรม ทั่วประเทศเลย ถ้าช่วงคริสต์มาสพีคหน่อยมีถึง 2 ตัน เฉพาะเกรดนี้นะ”
ราคาขึ้นแค่ไหนลูกค้าก็ยินดีจะจ่าย เพราะคิดถึงรสชาติที่หายไป…
ตามหาเนื้อยูเอสไพรม์ จากรายชื่อโรงแรมและร้านอาหารที่เข้าร่วมใน เทศกาลเนื้อวัวอเมริกัน ได้แก่
- JW Marriott Hotel Bangkok, New York Steakhouse
- Bangkok Marriott Hotel Sukhumvit, 57th Street
- Centara Grand at CentralWorld
- InterContinental Bangkok
- Anantara Chiang Mai Resort
- Andaz Pattaya Jomtien Beach
- Ad Lib Khon Kaen Hotel
- Sooooo Goood Gourmet
- Neil’s Tavern
- Don Asado
- Medium Rare Steakhouse Bangkok
- Granary Roast Meat & Wine
- Big George’s Steak
- Bistro di Farina
- Sorrento
- Le Crystal Restaurant, Chiang Mai
- Tops Eatery
สาขาของ ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ ที่เข้าร่วมได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลชิดลม, เซ็นทรัลลาดพร้าว, เซ็นทรัลอีสต์วิลล์, เดอะ คริสตัล ฯลฯ ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ กูร์เมท์ วัน โทร.094 643 2102
#เทศกาลเนื้อวัวอเมริกัน #AmericanBeefFeast #กูร์เมท์วันฯ #กูร์เมท์วันฟู้ดส์เซอร์วิส #เนื้อแองกัส #เนื้อวากิว #ticycity