เทศกาลตรุษจีน
วันนี้..วันที่ 27 มกราคม 2568ตามกำหนดการวันตรุษจีน ถือว่าเป็นวันก่อนสิ้นปีบรรดาชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนคงกำลังวุ่นวายกับเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ เพื่อเตรียมไหว้เทพเจ้าและบรรพบุรุษในเทศกาลสำคัญนี้ที่สืบทอดกันมายาวนานเป็นแน่
ซึ่งการไหว้ในเทศกาลตรุษจีนนี้หลักๆ แล้วคือการไหว้เทพเจ้าเพื่อความเป็นสิริมงคลและความอุดมสมบูรณ์ของครอบครัว ซึ่ง God’s City โดย Nai Mu กรูรูสายมูผู้มีเรื่องเล่ามากมายจาก Ticy City จะพาสายมูทั้งหลายไปทำความรู้จัก “เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย” เทพเจ้าแห่งโภคทรัพย์ เทพเจ้าจีนองค์แรกที่บูชาเมื่อเข้าสู่นักษัตรใหม่กัน
“สุขสันต์ปีมะเส็ง- “เฮงๆ ปังๆ ร่ำรวย ก้าวหน้า อนาคตสดใส สุขสมในสิ่งปรารถนาทุกเรื่องราว”
Nai Mu ขอถือโอกาสอวยพรในเทศกาลตรุษจีน เพราะ พรุ่งนี้ วันที่ 28 มกราคม 2568 เวลาหลังเที่ยงคืนนับเป็นฤกษ์แรกที่นำพาเข้าสู่เทศกาลตรุษจีนแล้ว และเทพเจ้าจีนองค์ที่จะได้ยินคนพูดถึงบ่อยๆ ในวาระนี้คือ “เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย” หรือ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ซึ่งคือเทพเจ้าองค์แรกที่นิยมบูชาตามประเพณีเมื่อเข้าสู่นักษัตรใหม่
แน่นอนว่า “ทรัพย์สินเงินทอง” เป็นความต้องการของมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม และยังมีโภคทรัพย์อีก 4 ประเภทที่คนให้ความสำคัญรองลงมาคือ โชค, วาสนา, อายุยืน และความสุข
สำหรับ “เทพเจ้าแห่งโชคลาภ” คือ ตำแหน่งของเทพหลายองค์ แต่เรียกชื่อตำแหน่งแบบรวมๆ เพราะเทพเจ้าแห่งโชคลาภ มีหลายสาแหรกแยกย่อยตามความเชื่อ คนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับ ชื่อ “ปี่กาน (ฝ่ายบุ๋น) และ จ้าวกงหมิง (ฝ่ายบู๊) ” มากกว่าท่านอื่นๆ เช่น ฟ่านหลี่ (ผู้เป็นปรมาจารย์ทางการค้า) รวมถึง เทพเจ้าแห่งโภคทรัพย์ทั้ง 5 แม้แต่ เทพกวนอู หรือ กวนกง และตั่วเหล่าเอี้ย (เจ้าพ่อเสือ) ซึ่งถึงจะมีคุณสมบัติอื่น แต่ก็เชื่อกันว่า ดำรงฐานะเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภด้วย
ทุกชนชาติล้วนมี “เทพเจ้าแห่งโชคลาภ” ของตน ชาวอินเดีย ถือ พระลักษมี, พระกุเบร,พุทธฝ่ายวัชรยาน มี พระชัมภลโพธิสัตว์ (กล่าวในสัปดาห์ที่แล้ว) , คติจีน มีเทพเจ้าในหมวดหมู่นี้ถึง 28 พระองค์ , ญี่ปุ่น มีเทพเจ้าโชคลาภถึง 7 พระองค์ นี่แค่เพียงตัวอย่างที่ Nai Mu หยิบยกมาเฉพาะชนชาติที่คุ้นเคยนะ ซึ่งนั้นย่อมแสดงให้เห็นความปรารถนาของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว Nai Muขอเล่าเรื่องราวของ “เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย” ของ สายบุ๋น (ปี่กาน) และสายบู๊ (จ้าวกง หมิง) ให้ฟังกัน ตอนรับเทศกาลตรุษจีนเลยก็แล้วกัน
“ปี่กาน” เทพเจ้าแห่งโชคลาภผู้ไม่มีหัวใจ
“เจียงไท้กง” ผู้มีหน้าที่แต่งตั้งเทพเจ้า ทราบโดยญาณทิพย์ว่า ปี่กาน อัครเสนาบดี ลุงของของจักรพรรดิโจ้หวังกำลังจะมีภัย ด้วยพระจักรพรรดิไม่สนใจราชกิจ มัวเมาลุ่มหลงพระสนมนางหนึ่ง ซึ่งเป็นนางปีศาจจิ้งจอกแปลงกายมา นางหมายกำจัดเสนาบดีปี่กานให้พ้นเส้นทาง เพราะท่านเสนาบดีมักจะทัดทานและทูลเตือนหลานผู้เป็นฮ่องเต้แต่ไม่อยู่ในศีลธรรมอยู่เรื่อยจนนางรำคาญ ไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้
เช้าวันหนึ่ง ที่หน้าบ้านปี่กานมีชายชรามาร้องขายหัวใจอยู่หน้าบ้าน ปี่กานคิด… คนไม่มีหัวใจจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร? ปี่กานจึงถามแก่ชายชราว่า จริงหรือที่จะขายหัวใจ? ชายชราว่าจริง ! พลางกล่าวให้ข้อคิดแก่ปี่กานว่า “หัวใจ คือ ต้นเหตุของความรู้สึกผิดชอบชั่วดี ถ้าใจไม่เที่ยงธรรมเสียแล้ว มือเท้าก็จะทำแต่สิ่งไม่ดี ถ้าเอาหัวใจออกมาจากร่างกาย ต่อไปก็จะไม่เลือกที่รักมักที่ชัง จัดการปัญหาได้อย่างยุติธรรม ”
ปี่กานยอมรับว่า ชายชราพูดนั้นก็ถูก แต่ยังคิดแย้งถามกลับว่า แล้วท่านจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ? ชายชราว่า “อยู่ได้แน่นอน เพราะข้ามียาอยู่เม็ดนึง กินแล้ว ต่อให้ไม่มีหัวใจ แต่ร่างกายก็จะยังอยู่ได้ ทำงาน เดินเหินได้ตามปกติ ”
ปี่กานชักสนใจในคำกล่าว จึงขอดูยาเม็ดนั้น ชายชราควักยาลูกกลอนออกมาให้ดู ปี่กานนำยาเม็ดนั้นไปดมดู ได้กลิ่นหอมประหลาดของสมุนไพรอ่อนๆ พอปี่กานเงยหน้าจะคืนยาเม็ดนั้น ชายชราผู้นั้นก็หายไปแล้ว
ที่จริง ชายชราผู้นั้นคือ เจียงไท้กง นั่นเอง
ฝ่ายนางจิ้งจอกแสร้งทำเป็นไม่สบาย บอกฮ่องเต้ว่า ต้องได้หัวใจของปี่กานมาทำยาจึงจะหาย
จักรพรรดิโจ้หวังจึงมีบัญชาให้เสนาบดีปี่กานเข้าเฝ้า ปี่กานถามองครักษ์ที่มาเชิญตัวถึงบ้าน จึงรู้ว่า นางสนมจิ้งจอกป่วย และต้องการหัวใจของปี่กาน นี่มันแผนเด็ดชีพของนางแพศยาชัดๆ ดังนั้น ปี่กานจึงตัดสินใจกินยาเม็ดนั้นและเดินทางไปเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรง เสนาบดีกล่าววาทะสุดท้ายว่า “ข้า อัครเสนาบดีปี่กานยินดีควักหัวใจตามพระบรมราชโองการ แต่การที่ฮ่องเต้ไม่ใส่ใจในอาณาประชาราษฎร์ ทำแต่เรื่องเหลวใหล หมกมุ่นในกาม น่าเสียดายที่ราชวงศ์คงจะต้องสิ้นสุด แต่เพียงนี้ !”
การควักหัวใจครั้งนี้ ปี่กานไม่ให้ใครทำหน้าที่นี้ นอกจากตัวเอง เขาใช้มีดจ้วงแทงไปที่อกด้านซ้าย แหวกและควักหัวใจออกมาโยนไว้ที่พื้นอย่างไม่ใยดี เหตุการณ์สยดสยองหน้าพระพักตร์เป็นเรื่องแปลกที่ไม่มีเลือดสักหยด… แล้วปี่กานก็เดินพาร่างไร้หัวใจออกจากท้องพระโรง ทิ้งยศถาบรรดาศักดิ์ทั้งหลาย ใช้ชีวิตอย่างสามัญชน ไร้ข้อผูกมัด เดินทางไปทุกหนแห่งอย่างอิสระ และโปรยเงินแจกจ่ายไปทั่ว ไม่สนใจในสิ่งใด
“จ้าวกงหมิง” นักพรตจอมขมังเวทย์อยากได้ตำแหน่ง
จ้าวกงหมิง บำเพ็ญพรตจนสำเร็จเป็นเซียน คงจะเรียนวิชามาก จนเพี้ยนไปกลายเป็นนักพรตอำมหิต จ้าวกง หมิงมีของวิเศษคู่กายหลายอย่าง และมีเสือดำเป็นบริวาร สิ่งที่เขาต้องการคือ อยากจะครอบครองทรัพย์สินแต่เพียงผู้เดียว เกิดจิตริษยาว่า “ปี่กาน” ได้รับการแต่งตั้งเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภจากเจียงไท้กง
ตำแหน่งนี้ ต้องเป็นของข้าฯ แต่เพียงผู้เดียว ! เมื่อเจียงไท้กง แต่งตั้งได้ ก็ต้องถอดถอนได้
ดังนั้น จ้าวกงหมิงจึงไปจับตัวเจียงไท้กงมากักขัง หน่วงเหนี่ยวให้ขาดอิสรภาพ ทั้งยังขู่เข็ญ บีบบังคับ ทรมานสารพัด จะให้เจียงไท้กง แต่งตั้งให้เป็น “เทพเจ้าแห่งโชคลาภ” แทนปี่กานแต่เพียงผู้เดียว
เจียงไท้กงกล่าวว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อเราแต่งตั้งปี่กานไปแล้ว แต่ถ้าเจ้าต้องการ ก็ไปควักหัวใจของปี่กานออกมา เมื่อปี่กานไม่มีหัวใจจะต้องตาย แล้วตำแหน่งเทพเจ้าแห่งโชคลาภก็จะเป็นของเจ้า ! โดยปริยาย”
จ้าวกงหมิงไม่รู้ในอุบายของเจียงไท้กง ก็เห็นดีเห็นงามด้วย จึงบัญชาให้บริวารเสือดำไปควักหัวใจปี่กาน ปรากฏว่า เสือดำ ตะกุยหน้าอกหาหัวใจปี่กานไม่เจอ แต่แผลที่หน้าอกของปี่กานที่ถูกเสือดำตะกรุยนั้นทำให้การทำงานของอวัยวะภายในอื่นๆ ทั้งหมดเกิดสับสน ส่งผลให้ความยุติธรรมผิดเพี้ยนไป ปี่กานแจกเงินแบบใครมาก่อน เจอใครก่อนจะได้เงินก่อน แล้วเจ้าสัวเศรษฐีและพวกไร้คุณธรรม จริยธรรมทั้งหลายก็จะใช้อุบายมารับเงินก่อน คนดีและคนจนถูกทิ้งห่างไปเรื่อยๆ นี่อาจเป็นความชอบธรรมในการแต่งตั้งเทพเจ้าแห่งโชคลาภ “สายบู๊” อีกองค์หนึ่ง เพื่อทำหน้าที่นี้
เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย 2 องค์นี้ เป็นที่รู้จักและนับถือกันมากกว่าองค์อื่นๆ ทั้งสองจะเป็นหัวหน้าของเทพเจ้าอีก 4 องค์ ซึ่งเป็นคติความเชื่อเรื่องเทพเจ้าแห่งโภคทรัพย์ อันได้แก่
เซียงเซิง หรือ เทพเจาเป่าเทียน องค์เทพแห่งการเรียกหาของวิเศษ
เฉาเป่า หรือ เทพน่าเจินเทียน องค์เทพแห่งการรวมสิ่งล้ำเลอค่า
เฉินจิ่วกง หรือ เทวทูตเจาไฉสื่อเจ่อ องค์เทพแห่งการเรียกทรัพย์สิน
เหยาเส้าซือ หรือ ขุนนางสวรรค์ลี่ซื่อเซียน องค์เทพแห่งการค้าขาย
มาครบทั้ง 5 องค์รับรองเป็นอภิมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกแน่!
สำหรับในการบูชา “ไฉ่ซิงเอี้ย” ฤกษ์แรกของตรุษจีน นิยมไหว้ในที่โล่งแจ้ง เช่น หน้าบ้าน ดาดฟ้า ควรเป็น
พื้นที่โล่งกว้างสักหน่อย เพราะในแต่ละปี ทิศทางของเทพเจ้าแห่งโชคลาภที่จะเสด็จมา ไม่เหมือนกัน (บางครอบครัว ก็จะมีรายละเอียดลงไปว่า เจ้าของบ้านต้องโฉลกกับโชคลาภ เงินทอง ทิศไหน) นิยมหันโต๊ะบูชาไปยังทิศที่ระบุในแต่ละปี ปูกระดาษเงิน กระดาษทอง และกระดาษเซ่นไหว้ ที่เยาวราชมีขายชุดเครื่องไหว้ เป็นชุด พร้อมเทียบเชิญเทพเจ้า , ธูป และเทียนแดง เครื่องบูชาประกอบด้วย “เจฉ่าย” ผลไม้ ข้าวสุก ขนมฟูต่างๆ น้ำชา อย่าลืมตั้งแก้วน้ำเปล่าพร้อมกิ่งทับทิม เพื่อใช้ในการปะพรมเป็นสิริมงคลกับคนในบ้านด้วยนะ
ทั้งนี้ ในคืนวันที่ 28 มกราคม วัดจีนหลายแห่งจะเปิดทั้งคืน เพื่อต้อนรับศาสนิกชน วันนี้ผู้คนนิยมใส่ชุดแดง หรือกี่เพ้าแดง มาวัดจีน -ศาลเจ้าย่านเยาวราช และที่ต่างๆ เพื่อกราบไหว้บูชาเทพเจ้าแห่งโชคลาภกัน เป็นคืนที่คนแน่นสุดๆ
Nai Mu ชี้พิกัดให้แล้วก็อย่่าลือไปกราบไหว้กันนะ
เรื่อง : โดย Nai Mu