บ้านสไตล์ Modular Construction สวย เร็ว คุมงบได้

บ้านสำเร็จรูป

ช่วงสัปดาห์ก่อนผมป่วยเป็นโควิด ทำให้ต้องกักตัวอยู่ที่บ้านจึงมีเวลานั่งดูคลิปทั้งวัน และก็ไถไปเจอเรื่อง Tiny house  ซึ่งผมว่าช่างเหมาะกับความต้องการของคนไทยช่วงนี้มากๆเลยครับ โดยเฉพาะตั้งแต่ช่วงการเริ่มแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19เป็น ต้นมา ผนวกกับปัญหาเรื่องการหาช่างหาผู้รับเหมาที่ดีมีฝีมือ มีความรับผิดชอบ และไว้ใจได้ยิ่งยากกว่า  ซึ่งในอนาคตหลังจากนี้ก็คงจะยากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยครับ แต่ถ้าหากจะคุยเรื่องต้นตอของปัญหานี้ก็คงจะคุยได้อีกยาวเลยละครับ  เอาเป็นว่าในพื้นที่ Ticy City ครั้งนี้เรามาคุยกถึงเรื่อง Tiny house กันดีกว่านะครับ

พูดถึง Tiny house ผมว่าร้อยทั้งร้อยคนไทยจะรู้จักกันในนามบ้าน Knock down แต่หากไปพูดเรื่องบ้านน็อกดาวน์กับชาวต่างชาติละก็เขาคงจะงงกันแน่ๆ ครับ  เพราะส่วนใหญ่เขาจะรู้จักกันในชื่อ Prefab House หรือ Modular house กันมากกว่า  และที่ผมบอกว่าในช่วงนี้บ้านสไตล์นี้เหมาะกับคนไทยมากก็เนื่องมาจากหลายๆ สาเหตุ  เช่น

เรื่องแรกเลยคือ คนไทยนิยมต่อเติมบ้าน โดยเฉพาะบ้านในหมู่บ้านจัดสรรที่พอมีเนื้อที่อยู่บ้าง แต่เมื่อคิดจะต่อเติมก็จะเจอปัญหาเรื่องช่างเรื่องผู้รับเหมาอีก  ดังนั้นระยะหลังๆ มานี่จึงเริ่มหันมาสนใจบ้านสำเร็จรูปหรือบ้านคอนเทนเนอร์ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือก เพื่อนำมาใช้ในส่วนต่อเติมกัน โดยเฉพาะช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19ที่ผ่านมา ซึ่งต้องมีการกักตัวแยกกัน นั้นทำให้ผมยิ่งเห็นว่ามีหลายคนสนใจและถามหาบ้านสำเร็จรูปเพื่อนำไปใช้งานจริงกันมากขึ้น  หรือบางคนต้อง work from home หรือต้อง live ขายของ จึงจำเป็นต้องหาห้องหาพื้นที่สำหรับทำงานก็เลยใช้วิธีซื้อบ้านสำเร็จรูปมาแทนการต่อเติมบ้านกันครับ  

ประการต่อมาที่ดินช่วงนี้มีราคาสูงขึ้นมาก ภาษีที่ดินก็แพงขึ้น ถ้าไม่นำที่ดินมาใช้ประโยชน์หรือปล่อยรกร้างก็จะถูกเรียกเก็บภาษีกันหนักหน่วงมาก ดังนั้นจะเห็นการปลูกพืช ปลูกกล้วยกันตามที่ดินกลางเมืองหลายๆ แห่ง ในขณะที่บางคนก็ใช้วิธีการซื้อบ้านสำเร็จรูแแบบนี้ไปวาง และทำการขอทะเบียนบ้านจากเขต เป็นอันว่าได้บ้านมาหนึ่งหลัง ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาทำให้ดูเป็นที่อยู่อาศัยไม่ใช่ที่ดินรกร้างอีกต่อไป ทั้งยังเป็นการลดทอนภาษีลงได้อีกมากมายด้วยครับ 

อีกประการคือ เรื่องช่าง เรื่องผู้รับเหมา ซึ่งส่วนตัวผมว่าเรื่องนี้สำคัญนะครับ เป็นเรื่องชวนปวดหัวทั้งเจ้าของบ้านและสถาปนิก เพราะที่บอกว่าการหาช่างหาผู้รับเหมาที่ไว้ใจได้ยาก  เนื่องจากกลัวว่าสร้างบ้านสร้างอาคารแล้วไม่เสร็จตามกำหนดทำให้เสียเวลา บานปลายเงินทองอีกด้วย กระนั้นเลยหาซื้อแล้วนำมาวางต่อๆ กันเป็นบ้านเลยดีกว่า แถมยังมีให้เลือกทั้งหลังเล็กและหลังใหญ่กันเลยทีเดียว

ที่ผมเกริ่นๆ มานี้ ส่วนใหญ่เป็นสาเหตุหลักๆ ว่าทำไมช่วงนี้ถึงได้เห็นระบบการก่อสร้างแบบสำเร็จรูปกันมากขึ้นในเมืองไทย ยิ่งไปกว่านั้นในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 คนไทยได้เห็นโรงพยาบาลสำเร็จรูประบบ Modular ที่ประเทศจีนซึ่งสร้างเสร็จในไม่กี่วัน  นั่นยิ่งเป็นตัวอย่างที่ทำให้ Mind set หรือแนวคิดเกี่ยวกับอาคารสำเร็จรูปกับผู้บริโภคคนไทยเปลี่ยนไปได้มากทีเดียว ครับ จากที่ยังไงๆ ก็จะสร้างแบบก่ออิฐถือปูนเพียงอย่างเดียว  แต่ช่วงหลังๆ ผมเห็นว่าๆ เจ้าของบ้านหลายคนเริ่มเปิดใจให้กับระบบการก่อสร้างบ้านสำเร็จรูปกันมากขึ้น

ที่ผ่านมาก็มีคนมาถามผมเกี่ยวกับบ้าน Modular house  โดยเฉพาะกับคำถามที่ว่า  บ้านแบบนี้ดีไหม?  ทนหรือเปล่า?  ซึ่งเป็นคำถามที่พบบ่อยที่สุด  ซึ่งผมในฐานะสถาปนิกก็จะขอตอบแบบนี้นะครับว่า 

“บ้านสำเร็จรูปลักษณะนี้ที่ต่างประเทศโดยเฉพาะทางยุโรปและอเมริกานี่มีมากว่าร้อยปีแล้ว และปัจจุบันก็ยังใช้ระบบสำเร็จรูปกันเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากค่าแรงทางเขาแพงมาก ต้องใช้ระบบการก่อสร้างที่เร็วและไม่เสียเวลาหน้างานมากนัก ส่วนจะคงทนถาวรแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ทำอาคารนั้นๆ ถ้าเป็นบ้านทั่วๆ ไปก็มีความทนในระดับเป็นสิบปี แต่ถ้าเป็นอาคารขนาดใหญ่สูงหลายๆ ชั้น ก็ยิ่งต้องใช้วัสดุที่คงทนถาวรมากกว่าขึ้นไปอีก ซึ่งอาคารที่ยุโรปและอเมริกาที่ผมเห็นตอนนี้น่าจะพัฒนาสร้างได้เกือบๆ ถึง 50 ชั้นกันแล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องห่วงเรื่องความคงทนถาวร เพราะทางนั้นเขามีสถาบันที่คอยควบคุมดูแลอย่างทั่วถึงดีมีมาตราฐานครับ”

กลับมาที่เมืองไทยบ้านเรากันบ้าง สำหรับบ้านน็อกดาวน์ที่เห็นๆ กันอยู่ตามชานเมืองนั้นก็ต้องบอกว่าใช้ได้ในระดับหนึ่ง แต่ในส่่วนที่เห็นราคาถูกมากๆ  ก็ขอให้ทำใจไว้ว่าอาจจะไม่ได้คงทนถาวรมากนัก โดยสามารถเทียบราคาการก่อสร้างมาตราฐานทั่วๆ ไปในการก่อสร้างบ้านพักอาศัยจะอยู่เฉลี่ยที่ 15,000 บาท/ตารางเมตร  ถ้าพื้นที่บ้านสำเร็จรูปหารกับราคาบ้านที่สนใจจะซื้อ แล้วออกมาแล้วต่ำกว่า 15,000 บาท (หนึ่งหมื่นห้าพันบาท) ก็ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น 

กับอีกหนึ่งประเภทที่เห็นกันมาก คือการนำตู้คอนเทนเนอร์มาปรับเปลี่ยนให้เป็นอาคาร  รูปแบบนี้ก็ต้องอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า ด้วยความที่จุดประสงค์ของตู้คอนเทนเนอร์ที่ทำขึ้นมานั้นไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นอาคารพักอาศัย  ดังนั้นจึงมีข้อจำกัดทั้งขนาด กว้าง ยาว สูง รวมถึงรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆ เช่น ความแข็งแรงและการป้องกันการรั่วซึมจากสภาพอากาศทั้งแดด ลม และฝน ดังนั้นอาคารหรือบ้านพักที่นำตู้คอนเทนเนอร์มาปรับปรุงเพื่อใช้สอยเป็นอาคารนั้นทำได้ ใช้ได้ครับ แต่ก็ต้องลงทุนอีกพอสมควรเพื่อให้ใช้งานได้ตามวัตถุประสงค์ และผมมั่นใจว่าโดยรวมราคาก็จะไม่ต่ำกว่า 15,000 บาท/ตารางเมตร อย่างแน่นอน  ดังนั้นถ้าไปเจอที่ราคาถูกกว่านี้ก็ควรดูให้ละเอียดถี่ถ้วนนะครับ

โดยรวมแล้วผมมองว่าสำหรับบ้านสำเร็จรูปนี้ในอนาคตคงได้เห็นกันมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะตอบโจทย์เรื่องสร้างได้เร็ว ควบคุมงบประมาณได้ชัดเจน ส่วนคุณภาพจะดีมั้ย  ส่วนใหญ่คุณภาพก็มักจะมาตามราคา และถามว่าเร็วกว่ามากแค่ไหน ผมก็จะอธิบายเพิ่มแบบนี้ว่า ถ้าเป็นบ้านหรือห้องเล็กๆ ชั้นเดียวที่จะต่อเติม ด้วยระบบเสาคาน คอนกรีต ก่ออิฐฉาบปูน อย่างน้อยๆ ต้องมีเดือนครึ่งถึงสองเดือน (ยังไม่รวมตกแต่งภายใน) แต่ถ้าเป็นระบบ Modular construction ที่ทำอาคารเสร็จมาจากโรงงานแทบจะทั้งหมดเลยทั้งภายในภายนอก แค่ยกมาตั้งก็แล้วเสร็จใช้เวลาเพียงแค่ 2 – 3 วัน เห็นได้ชัดว่าเวลาแตกต่างเร็วกว่ากันหลายเท่า แถมยังไปเลือกแบบเลือกบ้านได้ก่อนเหมือนไปเดินเลือกเฟอร์นิเจอร์กันเลยทีเดียว

ดังนั้นผมเชื่อว่า อีกไม่นานจะมีคนลงทุนทำ Showroom บ้านสำเร็จรูปที่สวยและได้มาตราฐานให้คุณๆ ได้ไปเดินเลือกซื้อเลือกหากัน ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นตลาดอสังหาฯ คงได้ตื่นตัวกันอีกครั้ง และผู้บริโภคอย่างเราๆ ก็จะได้รับผลดีที่จะมีทางเลือกในการซื้อหาหรือจับจองบ้านพักอาศัยในเวอร์ชั่นใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม ซึ่งส่งผลดีกับคนอยากมีบ้านอย่างแน่นอนครับ

เรื่อง : สุรศักดิ์  วัฒนะจินดาวงศ์ (Surasak Wattanajindawong)

กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริษัทมีดีไซน์แอนด์ไอ จำกัด

Managing Director of ME DESIGN AND I CO,.LTD

#TicyCity #ตีซี้ซิตี้ #เมือง #City #Modularconstruction #PrefabHouse #Modularhouse #Tinyhouse #Knockdown #บ้านสำเร็จรูป