ticycity.com Contents Culture Ticy Entertainment Ticy Movie Review: Longlegs
Culture Ticy Entertainment

Ticy Movie Review: Longlegs

East (Technical) meets West (Story)

คุณคิดว่าปัจจัยที่ทำให้ ‘หนังสยองขวัญ’ นั้น ‘สยอง’ คืออะไร?? บรรยากาศที่เหมาะสม การถ่ายทำที่ดี ลูกเล่นความน่ากลัวที่พอเหมาะ พลังนักแสดงที่เข้าใจบริบทของเรื่องราว?? แม้จะกล่าวได้ว่าทั้งหมดคือสิ่งที่จำเป็น แต่สิ่งที่ผลักให้หนังสยองขวัญกระโจนข้ามขั้นขึ้นไปไกลไปอีกขั้น คือการที่มันสามารถ ‘เล่นกับผู้ชม’ ได้อยู่หมัด ตลอดระยะเวลาเริ่มต้น จนถึงช่วงสุดท้ายม่านจบโรยตัว 

นับตั้งแต่ฉากเปิดเรื่อง มันชัดเจนมากๆ ว่าหนังเรื่องนี้ ได้อินสไปร์มาจากหนังสยองขวัญสายญี่ปุ่นมาแบบเต็มๆ (ไม่ว่าจะทั้ง Kiyoshi Kurosawa หรือ Takashi Shimizu) ทั้งบรรยากาศ เทคนิคการถ่ายทำ การเล่นมุมกล้อง เสียงประกอบ จนถึงการลำดับภาพ จะเรียกว่ามันคือ ‘หนังสยองตะวันตก ที่ใช้ลูกเล่นตะวันออก’ ก็คงไม่ผิดนัก… 

เรียกว่าใช้ตำราครูฝั่งตะวันออกกันแบบไม่มีกั๊ก แต่ไม่ใช่การลักจำมาใช้แบบขอไปที เพราะ Osgood ‘Oz’ Perkins นั้น พิสูจน์ชัดเจนในระยะเวลาตลอด 100 นาทีของหนังว่า เขามีความสร้างสรรค์และแม่นยำในการใช้อุปกรณ์ทั้งหลายในมือขนาดไหน 

นั่นทำให้ได้ผลลัพธ์หรูๆ อย่างการ Still ภาพนิ่ง การถ่ายแบบ Longshot การใช้เสียงประกอบกับการแทรกภาพเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของผู้ชม ก่อให้เกิดก้อนมวลที่อบอวลด้วยความคลุมเครือ ที่ทำให้รู้สึกต้องเหลียวหน้าระวังหลัง ไปพร้อมกับการเดินทางของตัวละครหลักที่รับบทโดย Maika Monroe และ ‘ไอ้ขายาว (Longlegs)’ ฆาตกรโรคจิตที่รับบทแบบพลิกโลกโดย Nicolas Cage นั้น ทรงพลังมากยิ่งขึ้น 

โดยเฉพาะคนหลัง ที่ต้องเรียกว่าเล่นได้เฮี้ยนและสลัดความเป็น ‘ตัวเอง’ ทิ้งไปแทบจะเกือบหมด ถ้าไม่ติดที่ในบางช่วงยังมีหยดของความเป็นตัวเค้าโผล่มาให้เห็นประปราย เราก็เชื่อได้ว่านี่คือการแสดงระดับสุดยอดที่เขามอบให้ในรอบหลายปี 

แน่นอนว่าหนังมีจุดที่ชวนให้รู้สึกเอ๊ะและสงสัย โดยไม่อธิบายที่มาที่ไปอะไรนัก ซึ่งส่วนตัวมองว่า เป็นจุดที่สามารถยกประโยชน์ให้จำเลยได้ เพราะมันคือองค์ประกอบของความคลุมเครือและความไม่เข้าใจ แต่ปลีกย่อยและไม่ได้กระเทือนต่อโครงสร้างเรื่องหลัก อันเป็นแบบฉบับที่พบเห็นได้จากหนังที่มันอินสไปร์มาอย่าง Cure, Kairo, Tokyo Sonata หรือแม้แต่หนังผีจัมป์สแกร์บ้าๆ อย่าง Ju-On สองภาคแรก 

ซึ่งนั่น นำมาซึ่งความผิดพลาดในช่วง 1/3 ท้ายของเรื่อง เมื่อจู่ๆ หนังเกิดอยากจะ ‘เล่าเรื่องตามขนบ’ แล้วบอกเล่าเฉลยแบบ A B C D ทำลายก้อนความคลุมเครือที่มันสร้างมาก่อนหน้า และดิ่งเหวลงไปสู่ความตกรางพังพินาศ เมื่อผลลัพธ์สุดท้าย กลายเป็นการปิดจบที่เรียบเรื่อย และแผ่วปลายไร้พลังอย่างน่ากังวล

ทั้งหมด ราวกับผู้กำกับจะคิดได้ว่า ไม่เอาละ ไม่อยากให้คนดูสับสนงงงวยไปกว่านี้ เฉลยมันเลยละกัน ซึ่งมันไม่ผิด ถ้าอยากจะมอบความกระจ่างให้กับผู้ชม แต่มันสมควรที่จะเป็นไปอย่างมั่นใจต่อสิ่งที่มันสร้างมาก่อนหน้า ไม่ใช่โยนทิ้งแล้วกลายเป็นความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบมองหน้ากันก็ไม่รู้จะพูดอะไรถูกเช่นนี้  

และถ้าพิจารณาว่า หากเอาแก่นของเรื่องมา ‘คลี่’ กางดูกันจะๆ จะพบว่า มันมีเนื้อเรื่องที่เรียบง่ายจนถึงดาดๆ เอามากๆ ที่ถูกประคองด้วยเทคนิคและการบอกเล่ามาโดยตลอด การโยนอุปกรณ์และลูกเล่นที่มันใช้มาตลอดจึงไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดนัก 

แต่โดยสรุปแล้ว Longlegs โดยภาพรวมก็ต้องถือว่าทำถึง มันส่งมอบงานภาพอันประณีต มันถ่ายทอดได้อย่างมีสไตล์ มันบอกเล่าด้วยการโชว์ให้เห็นและทิ้งให้เป็นความคลุมเครือให้คิดตาม และมัน ‘สยอง’ แบบเย็นเยียบที่ค่อยๆ ก่อตัวอย่างช้าๆ ในม่านหมอกของความไม่แน่นอน และไม่แน่ใจ ในองค์ประกอบที่รวมกันได้อย่างพอดี ไม่มีขาดเกิน…. 

‘และเป็นอีกครั้ง ที่ต้องกล่าวชม Oz Perkins ผู้กำกับ ว่างาน “คารวะครู” สายตะวันออกชิ้นนี้ของเขา มันทรงพลัง และดังปังทำถึงดีจริงๆ…’

Exit mobile version