ใช้แก้วส่วนตัวลดขยะลงครึ่งหนึ่ง
ความยั่งยืน
เมื่อเรื่องของความยั่งยืนหรือ Sustainability ไม่ใช่เป็นแค่เรื่องของเทรนด์หรือกระแสอีกต่อไป แต่คือเรื่องที่ทุกภาคส่วนต้องใส่ใจ ในขณะเดียวกันก็เป็นก้าวใหม่ของทุกองค์กรในการที่จะสร้างสรรค์โลกที่ดีขึ้นมา ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศและสภาพแวดล้อมของโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกประเทศโดยเฉพาะ สภาวะโลกร้อน ที่เราต่างกำลังเผชิญกันอยู่ในขณะนี้ โดยตระหนักถึง 3ประเด็นพื้นฐานสำคัญ หรือ“ESG” ซึ่งได้แก่
E หรือEnvironment (สิ่งแวดล้อม) คือ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการรักษาและฟื้นฟูสภาพแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจ
S หรือ Social (สังคม) คือ การบริหารทรัพยากรบุคคลขององค์กรอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม คำนึงถึงสภาพแวดล้อมในการทำงานและสุขภาพของพนักงาน ไปจนถึงลูกค้า ชุมชน และผู้ที่ทำงานตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain)
G หรือ Governance (ธรรมาภิบาล) คือ การดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ ต่อต้านการทุจริต มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี และดูแลผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทอย่างเป็นธรรม
และหนึ่งในองค์กรที่ Ticy City เห็นถึงความมุ่งมั่นในด้านนี้ นั่นคือ สตาร์บัคส์ ซึ่งปักหมุดความมุ่งมั่นในด้านความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดกับแคมเปญ LITTLE CHOICES. BIG CHANGES. ชวนลูกค้าใช้แก้วส่วนตัว เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ลูกค้ามีส่วนร่วมกับแบรนด์ในด้านความยั่งยืน เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนร่วมกัน สอดคล้องกับเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของสตาร์บัคส์ที่จะลดขยะลงครึ่งหนึ่งภายในปี พ.ศ. 2573
โดยแคมเปญ LITTLE CHOICES. BIG CHANGES. นี้นับว่าเป็นวาระสำคัญต่อเป้าหมายด้านความยั่งยืนของสตาร์บัคส์ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การใช้น้ำ และขยะลง 50% ภายในปี 2573 และในปีนี้ สตาร์บัคส์ ประเทศไทย ยังตั้งเป้าลดขยะใช้ครั้งเดียวทิ้ง (เช่น แก้วพลาสติก) ลง 50% ด้วยการมอบส่วนลด 10 บาทสำหรับลูกค้าที่นำแก้วส่วนตัวมาใช้ที่ร้านสตาร์บัคส์ทุกสาขาทั่วประเทศ
ทั้งนี้ ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2541 ที่สตาร์บัคส์ได้เปิดตัวในประเทศไทย ลูกค้าสตาร์บัคส์มีส่วนร่วมในการลดขยะแบบใช้ครั้งเดียวทิ้งไปแล้วกว่า 29 ล้านใบจากการใช้แก้วส่วนตัว
พร้อมกันนี้ในปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ร้านกาแฟของสตาร์บัคส์ในประเทศไทยยังได้รับการรับรองเป็นร้านกาแฟสีเขียว หรือ Greener Stores จำนวน 12สาขา โดย Greener Stores คือร้านที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ควบคุมด้วยระบบการบริหารจัดการพลังงานที่จัดเก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์ เพื่อการคงสถานะการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด รวมไปถึงการระบุการใช้พลังงานที่บกพร่อง เพื่อปรับปรุงการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นในครั้งต่อไป
และเพื่อเป็นการก้าวสู่ขั้นใหม่ของความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ยังได้แต่งตั้ง จุฑาทิพย์ เก่งมานะ ให้ดำรงตำแหน่งผู้จัดการด้านผลกระทบทางสังคมและความยั่งยืน เพื่อขับเคลื่อนสตาร์บัคส์ในการผลักดันเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมด้วยกลยุทธ์ที่ออกแบบสำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะ
พาร์ทเนอร์และโครงการเพื่อความยั่งยืนของสตาร์บัคส์
สตาร์บัคส์ ประเทศไทย มุ่งมั่นผลักดันเป้าหมายที่จะลดการใช้พลาสติกในการดำเนินงานประจำวันภายในร้าน โดยสนับสนุนให้ลูกค้าและพาร์ทเนอร์มีส่วนร่วมในหลักปฏิบัติความยั่งยืน ซึ่งรวมถึง การเลือกใช้ถุงกระดาษและทิชชู่ที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล ตลอดจนการรณรงค์ไม่รับมีดส้อมพลาสติก นอกจากนี้ยังได้ทำงานร่วมกับ รศ.ดร. สิงห์ อินทรชูโต ในการเปลี่ยนกากกาแฟให้เป็นสิ่งของและเฟอร์นิเจอร์สำหรับใช้งานภายในร้าน เช่น ที่รองแก้ว ถาดและโต๊ะกาแฟ เพื่อเน้นย้ำประสบการณ์ ร้านกาแฟที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (eco-friendly) นอกจากนี้ ทีมงานของสตาร์บัคส์ยังได้ร่วมกิจกรรม World Water Day เป็นประจำทุกปี และได้สร้าง Aqua Towers ไปแล้วถึง 5 โครงการ เพื่อส่งมอบน้ำสะอาดให้ชุมชนที่ต้องการ
ให้การสนับสนุนชาวไร่กาแฟและชุมชน
สตาร์บัคส์ ช่วยดูแลและพัฒนาชุมชนชาวไร่กาแฟทั่วโลก โดยในประเทศไทย ได้ทำงานร่วมกับมูลนิธิพัฒนาชาวเขาแบบผสมผสาน (Integrated Tribal Development Foundation หรือ ITDF) เพื่อสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือแบบรอบด้านกับชุมชนชาวไร่กาแฟทางภาคเหนือของไทยตามปณิธานของแบรนด์ ด้วยการพัฒนาด้านต่างๆ อาทิ การสร้างโรงเรียน การดูแลด้านสาธารณสุขและความเป็นอยู่ที่ดี รวมไปถึงการจัดอบรมเรื่องกาแฟให้กับผู้เกี่ยวข้องเพื่อการเพาะปลูกเมล็ดกาแฟคุณภาพตามมาตรฐาน และการรับซื้อกาแฟตามหลักการ C.A.F.E. Practices
ซึ่งในเรื่องนี้ เนตรนภา ศรีสมัย กรรมการผู้จัดการ สตาร์บัคส์ ประเทศไทย กล่าวว่า “สตาร์บัคส์ทุ่มเทให้กับการดำเนินการตามคำมั่นสัญญาด้านสิ่งแวดล้อม ที่จะสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับสิ่งแวดล้อมและโลกของเรา โดยมุ่งมั่นที่จะให้คืนกลับได้มากกว่าที่รับมา ขณะเดียวกันก็ตั้งใจที่จะลดการปล่อยก๊าคาร์บอนไดออกไซด์ การใช้น้ำ และขยะลง 50% ภายในปีพ.ศ. 2573 เพราะได้เห็นถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของทุกคนในการเดินทางครั้งนี้ ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน จากพวกเราทุกคน ก็จะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ให้กับโลกของเราได้อย่างแน่นอน”
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง ในแคมเปญ LITTLE CHOICES. BIG CHANGES. ด้วยการเลือกทำสิ่งเล็กๆ ที่จะช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ เช่น การเลือกใช้แก้ว ForHere เมื่อสั่งเครื่องดื่มเพื่อดื่มในร้าน หรือใช้แก้วส่วนตัว (Personal Cup) เมื่อสั่งเครื่องดื่มกลับบ้าน เพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญให้กับสิ่งแวดล้อม โดนจะได้รับส่วนลด 10 บาทเมื่อนำแก้วส่วนตัวมาใช้ที่ร้าน โดยแบรนด์ได้ตั้งเป้าหมายการเติบโตของการใช้แก้วส่วนตัวกว่า 50% หรือกว่า 3 ล้านแก้วภายในปีพ.ศ. 2567 นี้ ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถดูได้จากวิดีโอนี้ หรือ ที่ www.starbucks.co.th
#TicyCity #ตีซี้ชิตี้ #เมือง #City #SUSTAINABILITY #ESG #ยั่งยืน #กาแฟ #สตาร์บัคส์ #starbu #LITTLE CHOICES. BIG CHANGES #แก้วกาแฟ