พฤศจิกายน 15, 2024
ticycity.com
Culture God's City

“พระศิวะ มหาโยคี” พิกัดใหม่สายมูที่ Big C

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมาเป็นวันแรกที่ทางห้าง Big C ราชดำริ ในนามของ “มูลนิธิ บีเจซี บิ๊กซี” ได้เปิดพิกัดใหม่ให้สายมูได้สักการะ “มหาโยคีศิวะ” (ปางสมาธิ) ณ บริเวณชั้น 7 ของตัวอาคาร 

โดยเมื่อ Ticy City ขึ้นลิฟท์มาถึงชั้น 6 ก็จะพบกับบรรยากาศการเล่าเรื่องด้วยภาพของศาสนาฮินดู และพระศิวะมหาเทพ ตลอดสองข้างทางเดิน เพื่อเป็นการบิ้วอารมณ์ ก่อนจะไปชื่นชมบารมีขององค์พระศิวะที่เขาไกรลาศจำลอง … บริเวณโถงโล่ง โปร่งตา ณ ชั้น 7 ซึ่งจะผ่านชอปต่างๆ ที่วางจำหน่ายข้าวของเครื่องใช้ เครื่องบูชา เช่น ดอกไม้ ขนมอินเดีย ตลอดจนถึงร้านบูชาเทวรูป ขนาดกระทัดรัด สวยงาม กำแพงของชั้นนี้ จะเน้นรูปภาพ ท่าโยคะ รวมถึงเรื่องราวสั้นๆ เกี่ยวกับพระศิวะเพื่อนำไปสู่การสักการะ ที่เทวาลัยเขาไกรลาศ บริเวณโดมเบื้องหน้า 

พระศิวะ ปางมหาโยคี

 “ปางมหาโยคี” นื้ พวกนับถือในไศวนิกาย (พระศิวะเป็นใหญ่) นิยมบูชากันมาก เชื่อกันว่า “พระองค์ผู้เดียวเป็นทั้ง ผู้สร้าง คุ้มครอง และทำลาย”  เทวะประติมา ทรงประทับนั่งสมาธิ พระกรวางซ้อนอยู่บนพระเพลาในแบบบำเพ็ญโยคะ ของ “โยคี” ! มีตรีศูล อาวุธของพระองค์ทางด้านขวา  ด้านล่าง ฟากเดียวกัน ประดิษฐานสัญลักษณ์แทนพระองค์อีกรูปลักษณ์หนึ่งคือ “ศิวลึงค์” ที่น้ำสะอาดผุดจากยอดลึงค์สู่ฐานโยนีพระอุมา เวียนอยู่เช่นนี้ ตลอดเวลา  ศิวลึงค์ลำนี้แหละที่ผู้บูชามักจะนำน้ำสะอาด (ซื้อได้ที่ด้านหน้า ขวดละ 5.50 บาท) มาสรงพร้อมท่องมนต์ประจำพระองค์ “โอม มนัส ศิวายะ” …. เบื้องหน้าด้านล่างของพระองค์คือ โคนนทิ หมอบหันหน้าเข้าหาพระองค์ สัตว์พาหนะ “โคนนทิ”  (โคอุสุภราช)  เป็นหัวหน้าของพวกภูติผี มีหน้าที่เป็นเสหมือนมหาดเล็กที่คอยปกปักพระองค์ท่าน  และรอบด้าน สี่ทิศมีกระถางใหญ่ เชิญต้นมะตูมมาปลูกไว้ เพราะเป็นไม้ที่มหาเทพพระองค์นี้โปรดปรานที่สุด พร้อมมีข้อความเขียนปักไว้ว่า 

“ต้นมะตูม นิยมนำมาถวาย โดย 1 ก้านมี 3 ใบ เชื่อกันว่า เป็นการทำลายบาป 3 ชาติ และเป็นใบไม้ที่ท่านโปรด” ! 

… โอม มนัส ศิวายะ…โอม มนัส ศิวายะ…โอม มนัส ศิวายะ…

มารู้จักเรื่องราวของพระศิวะเทพ โดยสังเขปกัน! 

พระรุทรเทพ เป็นต้นกำเนิด “พระศิวะ”

พระศิวะ (คนไทยเรียก “พระอิศวร” ) นั้น เป็นเทพพื้นเมืองดั้งเดิมแต่โบราณ ตั้งแต่สมัยพระเวท เดิมชื่อ “รุทร”  ที่แปลว่า “ร้องไห้” เมื่อแรกเกิดนั้น ร้องไห้ไม่ยอมหยุด จนพระพรหมต้องตั้งชื่อให้เด็กเกิดใหม่คนนี้  ตามตำนานบ้างก็ว่า 8 พระนาม บ้างก็ว่า 11 พระนาม 

 “พระรุทรเทพ”  สมัยโบราณเป็น “เทพเจ้าแห่งลม พายุ และการล่า”  ต่อมาชาวอารยันรับเข้ามาเป็นเทพเจ้าพระองค์หนึ่งในฝ่ายตน  ในทางโบราณคดี มีการพบ “แผ่นดินเผารูปมนุษย์ มีเขาสัตว์บนศีรษะ นั่งในท่าโยคะ” สันนิษฐานลงความเห็นว่า เป็นพระศิวะ ! เชื่อว่า มนุษย์เคารพและบูชาท่าน มากนานกว่า  3 พันปีก่อนคริสต์กาล  โดยชาวอารยันถือว่า พระรุทรเทพ เป็นเทพดุร้าย ให้โทษแก่มนุษย์ได้ จึงต้องบูชาพระองค์ท่าน ทรงมีอำนาจ เป็นใหญ่เหนือการสรรเสริญและยัญกรรมทั้งปวง  เป็นผู้ทำลายล้างให้สะอาด พูดง่ายๆคือ เปลี่ยนของเก่าที่ล้าสมัย หมดสภาพให้ใหม่และดีขึ้น…  

พระรุทรเทพ เป็นต้นกำเนิดของ  “พระศิวะ” ในสมัยต่อมา คำว่า  “ศิวะ” หมายถึง   “ชุบให้สะอาด”! 

รูปของพระศิวะ 

รูปมนุษย์ของพระศิวะ….เป็นโยคี นักบวช ฤาษีและครู คนแรกของโลก  ขมวดมุ่นมวยผมรุงรัง เส้นผมสยายแดง มีตั้งแต่ 1 – 4 – 5 พระพักตร์ และ 2-4-8-10 พระกร ทาเนื้อตัวด้วยฝุ่นหรือผงขี้เถ้าของมนุษย์ที่ถูกเผา เปลือยอก นุ่งหนังเสือ มีงูเป็นสังวาลพันพระศอ สวมลูกประคำทำจากกะโหลกมนุษย์ มีตาที่สามกลางหน้าผาก  อาวุธที่ถือเป็นสัญลักษณ์ประจำพระองค์คือ ตรีศูล ที่สถิตของพระองค์คือ เขาไกรลาส หรือ เขาพระสุเมรุ นั่นเอง ทรงมีชื่อทั้งหมด 48 พระนาม ตามภาคอวตาร หรือลักษณะพิเศษของพระองค์  ยกตัวอย่าง  “ภูเตศวร” (เป็นเทพสถิตอยู่ตามป่าช้า มีภูติผีเป็นบริวาร) , ตรีโลจนะ (เทพ 3 ตา มีตาสามที่หน้าผาก), นิลกัณฐ์ (ศอดำ เพราะดื่มพิษร้ายคราวกวนเกียรสมุทรเพื่อรักษาโลก) , ปัญจมุขี (5 พักตร์) , สทาศิวะ (มหาเทพในรูปสูงสุด ทรงมี 5 เศียร – พระตรีมูรติ ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ หาใช่ตรีมูรติไม่ แต่คือ สทาศิวะ) , พระกาล (ผู้ปราบความตาย) เป็นต้น เทศกาลบูชาที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์คือ วันมหาศิวะราตรี 

สานุศิษย์บางคนนิยมสวมประคำ หรือ สร้อยข้อมือ “เม็ดรุทรักษะ” มาจาก ต้นไม้ใหญ่ชนิดหนึ่ง เกิดเมล็ดแห้งที่คล้ายเม็ดพุทรา เล่าว่าไม้ต้นนี้เกิดจาก น้ำตาของพระศิวะที่หยดลงพื้นดิน เมื่อเห็นความทุกข์ยากของชาวโลก ! น้ำตากลายเป็นต้นรุทรักษะ หรือ “น้ำตาพระศิวะ” นั่นเอง ! ถือว่าเป็นเครื่องรางอย่างหนึ่ง 

อีกรูปหนึ่งของพระศิวะที่รู้จักกันทั่วโลกคือ  “ศิวลึงค์”  ไม่ว่าจะเป็นชาวเอเชียหรือชาวตะวันตก ! แถบเอเชียอาคเนย์ อย่าง กัมพูชา, ชวา, อินโดนีเซีย, บาหลี , สุมาตรา ฯลฯ ล้วนได้รับอิทธิพลนี้ และเป็นที่นิยมยิ่งกว่ารูปมนุษย์เสียอีก  ศิวลึงค์ที่สมบูรณ์ต้องมีฐานโยนีพระอุมา เป็นร่องให้น้ำไหลผ่าน  เรียก “ศิวลึงค์-โยนี” หรือ “อุมาลึงค์”  สัญลักษณ์ของเพศชาย-หญิงคือ บ่อเกิดของชีวิตใหม่ เป็นความอุดมสมบูรณ์ของชีวิต 

ศิวนาฏราช บรมครูนาฏศาสตร์ 

พระศิวะได้ชื่อว่าเป็นบรมครูของการร่ายรำ หรือนาฏยศาสตร์ของอินเดีย ระบำของพระองค์มีชื่อว่า “ตาณฑวะ” เล่ากันมาว่า โลกใบนี้เคลื่อนไหวตามจังหวะเสียงกลองเอวตอดอย่างนาฬิกาทราย  2 หน้า คนไทยเรียก “บัณ เฑาะว์” (กลองนี้มีเฉพาะปางนาฎราช)  การเคลื่อนไหวของส่วนต่างๆ ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นดวงตา, แขน,ขา,ข้อมือ,เอว,สะโพก ที่งดงามและน่าเกรงขามนั้น ทำให้โลกและจักรวาลหมุนตลอดเวลา หากท่านหยุด นั่นหมายถึงสรรพสิ่งทั้งหลายจะหยุดการเคลื่อนไหว และจากท่าร่ายรำนี้ ยังเป็น “ปฐมบทแห่งการฝึกโยคะ” อีกด้วย 

ในฐานะของ “ตรีเทพ” พระศิวะ ทรงเป็น ผู้ทำลาย , พระพรหม ทรงเป็น ผู้สร้าง และ พระวิษณุ (พระนารายณ์) ทรงเป็น “ผู้บริหาร” ซึ่งต่างจากไศวนิกายที่ว่า พระองค์คือ  ผู้สร้าง คุ้มครอง และทำลาย ในคนเดียวกัน ! และเป็นผู้เกิดก่อนสรรพสิ่งใดๆในโลก 

พระชายาคือ “ปารวตี” (พระสตี มาเกิดใหม่) มีคุณสมบัติทั้งร้ายและดีเช่นเดียวกับสวามี  ! มีปางอวตารต่างๆมากมาย เช่น พระทุรคา 9 ปาง (นวทุรคา)  , พระกาลี 10 ปาง (ทศมหาวิทยาในนิกายตันตระ) และอื่นๆ  ทั้ง 2 พระองค์มีลูกที่เป็นทางการ 2 พระองค์ คือ พระขันธกุมาร (ลูกพ่อ) และ พระพิฆเนศ (ลูกแม่) และยังมี ธิดาบุญธรรมของพระศิวะคือ มนสาเทวี (เทวีแห่งงูและพญานาค) นางไม่ลงรอยกับพระอุมาเทวี 

และสำหรับเรื่องราวครั้งต่อไปมาตามดูกันว่า God’s City โดยNai Muจาก Ticy City จะพาไปรู้จัก “เทพ” องค์ไหนกันอีก

เรื่อง :  Nai mu

God’s City 

Leave feedback about this

  • Rating

Movement, Voice

‘ลอยกระทง

Destination, Food

ร้านโนบุท

Art & Event, Culture

Awakening

Movement, Voice

‘โครงการห

Culture, God's City

ไหว้เทพอง

PR news, TICY PR

เช็คอินมื

X