จารชน แดนไกล ผ้าไหม และการหายตัวไปอย่างลึกลับ
หากจะกล่าวกันถึงผู้ที่มีอิทธิพลต่อการเผยแพร่วัฒนธรรม ‘ผ้าไหมไทย’ ให้เลื่องลือไกลไปในระดับโลกแล้วนั้น แน่นอนว่า ชื่อของ ‘จิม ทอมป์สัน’ คือแถวหน้าลำดับต้นๆ อย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยวิสัยทัศน์ที่ยาวไกล ความใส่ใจ และความลุ่มหลงใหลในศาสตร์แห่งเนื้อผ้า ได้นำพาสินค้าพื้นบ้านจากประเทศย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้บินไปเฉิดฉายบนรันเวย์ดินแดนฝั่งตะวันตก และทั่วโลก
แต่ในอีกด้านหนึ่ง…. ประวัติชีวิตอันไม่ธรรมดา และบทสรุปที่ ‘ปิดไม่ลง’ ในเรื่องราวของจิม ทอมป์สัน ก็ยังคงเป็นปริศนาลึกลับ ที่มักถูกนำมาเล่าขาน ไม่ว่าจะเพื่อการศึกษาในเชิงประวัติศาสตร์ ในเชิงตำนาน หรือเลยเถิดไปในเชิง ‘ทฤษฏีสมคบคิด’ ที่วกวนลัดเลี้ยวแต่จบด้วยความดำมืดที่ไร้คำตอบอยู่เสมอๆ และเป็นหนึ่งในเรื่องราวที่น่าสงสัย ที่ยิ่งทำให้เสน่ห์ของแบรนด์ผ้าไหมไทยจากชายพ่อค้าชาวอเมริกันผู้นี้ โดดเด่นมากยิ่งขึ้น
Ticy City ขอเชิญคุณมาร่วมเดินทางไปกับเรื่องราวชีวิตของชายอเมริกัน ผู้ที่ชะตากรรมได้นำทางเขามาสู่ดินแดนเอเชียอาคเนย์ มาสู่เสน่ห์แห่งผ้าไหม และสู่การหายตัวไป… อย่างลึกลับ
//จากเดลาแวร์ สู่โลกแห่ง ‘จารชน’//
จิม ทอมป์สัน หรือ เจมส์ แฮร์ริสัน วิลสัน ทอมป์สัน เกิดในปี ค.ศ. 1906 ที่เมืองกรีนวิลล์ รัฐเดลาแวร์ สหรัฐอเมริกา สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน คณะศิลปะศาสตร์ ก่อนจะศึกษาต่อด้านสถาปัตยกรรม จากมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ก่อนจะประกอบอาชีพในฐานะสถาปนิกในปี 1940
ถ้าโลกไม่เกิดสงคราม จิม ทอมป์สัน ก็อาจจะกลายเป็นสถาปนิกที่ฝากผลงานไว้เทียบเท่ากับรุ่นใหญ่หลายต่อหลายคนในช่วงเวลาดังกล่าว แต่เมื่อไฟแห่งสงครามโลกครั้งที่สองปะทุขึ้น จิม อาสาเข้าเป็นทหารในกองทัพสหรัฐฯ และได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าหน้าที่ในสำนักงานด้านยุทธศาสตร์ (Office of Strategic Services-OSS) …. ใช่ หน่วยงานที่เป็นแม่แบบให้เกิดสำนักงานข่าวกรองกลาง (Central Intelligence Service-CIA)
กล่าวโดยสรุป จิม ทอมป์สัน โดยหน้าที่ปฏิบัติระหว่างสงครามคือ … ‘จารชน’
เขาเดินทางประสานงานกับกองทัพสัมพันธมิตรทั่วโลก ทั้งแอฟริกาตอนเหนือ อิตาลี ฝรั่งเศส และดินแดนไกลโพ้นแห่งอาคเนย์ … สยามประเทศ ภารกิจเพื่อต่อต้านกองทัพญี่ปุ่น แต่แล้วเมื่อสงครามจบสิ้น หน้าที่หลักของเขา คือหัวหน้าสถานียุทธศาสตร์ และเร่งฟื้นฟูสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำสยามประเทศ
และเขาก็ตัดสินใจ ปักหลักอยู่ ณ ดินแดนแห่งนี้ ตราบจนวันสุดท้าย….
//เส้นทางแห่ง “ไหม”//
หลังปลดประจำการในปี 1946 จิม ทอมป์สันใช้ชีวิตในสยามประเทศ และมองหาลู่ทางที่จะเริ่มอาชีพใหม่ และได้มีโอกาสเดินทางไปภาคอีสาน และพบเข้ากับสิ่งที่ทำให้เขาเกิดความสนใจเป็นอย่างมาก
ผ้าไหม…
ผ้าที่มีเอกลักษณ์ในการถักทอ มีความประณีต มีคุณภาพที่สามารถเทียบเคียงได้กับผ้าที่ผลิตโดยกระบวนการอุตสาหกรรม ความคิดและวิสัยทัศน์แล่นเข้ามา ถ้าปรับปรุงและสร้างอุตสาหกรรมผ้าไหมได้ นี่เป็นโอกาสทองที่หาได้ยากยิ่ง เขาสืบเสาะค้นหาแหล่งผ้าไหม จนได้มาพบกับ ‘ชุมชนบ้านครัว’ ณ ริมคลองแสนแสบ ชุมชนมุสลิมที่เคยทอผ้าไหมกันอย่างเป็นล่ำสัน แต่หลายตระกูลเลิกทักถอเพราะความนิยมเริ่มซบเซา
จิม ทอมป์สัน ไม่รอช้า ทำความรู้จักกับเหล่านักทอในชุมชนบ้านครัว เสนอตัวที่จะฟื้นฟูกิจการผ้าไหม พร้อมมองการไกล เตรียมผลักดันสินค้าผ้าไหมไปสู่ระดับโลก ทั้งติดต่อกับทูตพาณิชย์สหรัฐอเมริกา เข้าหาบรรณาธิการนิตยสาร Vanity Fair ไปจนถึงนำเสนอสินค้าต่อผู้ที่จะกลายเป็นบรรณาธิการ Vogue นิตยสารแฟชั่นชื่อดัง
จนในที่สุด ผ้าไหม ก็ได้ไปเฉิดฉายบนรันเวย์ และปกนิตยสาร Vogue โดยการผลิตของแบรนด์วาเลนตินา (Valentina) เป็นการประกาศศักดาแห่งสินค้าจากเอเชียอาคเนย์ และสร้างรากฐานที่จะกลายมาเป็นแบรนด์ ‘Jim Thompson’ ในเวลาต่อมา ที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมสินค้าผ้าไหม ที่จะต่อเนื่องยาวต่อไปอีกหลายสิบปี
//สุดทางไหม กับการหายตัวไปอย่างลึกลับ…//
แต่ไม่ใช่ทุกเรื่องราว ที่จะมี ‘ตอนจบ’ โดยเฉพาะกับชีวิตของจิม ทอมป์สันเพราะในปี 1967 ขณะที่เขาเดินทางไปยังประเทศมาเลเซียเพื่อพักผ่อนในวันหยุด ณ คาเมรอนไฮแลนด์นั้น
เขาเดินออกจากที่พักไป ….. และไม่มีใครพบเห็นเขาอีกเลย
จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี การตามหาจบลงด้วยความล้มเหลว และก่อให้เกิดการสันนิษฐานต่างๆ มากมายตามมา บ้างก็ว่าเขาถูกโจรปล้นและฆ่าตาย บ้างก็ว่าเขาเดินตกเขาและหาศพไม่พบ บ้างก็ว่าเป็นแผนร้ายของคู่แข่งทางธุรกิจ หรือที่หนักหนาที่สุด บ้างก็ว่า แท้จริงแล้ว เขายังคงเป็น ‘จารชน’ มาโดยตลอด และถูกเรียกตัวกลับ เพราะทำ ‘ภารกิจ’ บางอย่าง สำเร็จลุล่วง กลับสู่มาตุภูมิ เปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนหน้า อยู่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จัก
แต่คำตอบจะเป็นเช่นไร ชะตากรรมของ จิม ทอมป์สัน ก็ยังคงถูกละไว้เป็นเครื่องหมายคำถามที่ไม่อาจหาคำตอบได้อีก… ตลอดกาล
แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ คืออิทธิพลที่เขาได้สร้างไว้ต่ออุตสาหกรรมผ้าไหมไทย การวางรากฐานอุตสาหกรรม การสร้างการจดจำในเวทีโลก และการส่งเสริมผ้าไหมให้กลายเป็นสินค้าที่สร้างงาน สร้างอาชีพให้กับชุมชน ก็จะเป็นหลักฐานในการดำรงอยู่ของเขา แม้ว่าปลายทางตอนจบนั้น อาจจะเต็มไปด้วยความดำมืด ไม่สมบูรณ์แบบ และสร้างความกังขาอย่างน่าฉงนไม่คลายจวบจนบัดนี้ก็ตาม
ซึ่งสำหรับหนึ่งชีวิตที่ใช้ นั่นก็อาจจะถือได้ว่ามากเพียงพอแล้ว….
ภาพ: Jim Thompson