ticycity.com Contents Destination Food 10 เมนูกาแฟยอดนิยม คนทั่วโลกสั่งอะไรกัน?
Destination Food

10 เมนูกาแฟยอดนิยม คนทั่วโลกสั่งอะไรกัน?

Taste Atlas สำนักจัดอันดับอาหาร ขนม เครื่องดื่ม ทั่วโลก จัดอันดับ 10 เมนูกาแฟยอดนิยม ที่คนสั่งมากที่สุด 

tasteatlast.com เว็บไซต์จัดอันดับประเภทของอาหาร ที่เคยจัด แกงส้ม ว่ายอดแย่จนทัวร์ลง แต่ก็จัดอันดับ ข้าวซอย เป็นซุปชั้นยอด หรือ ผัดกะเพรา ติดอันดับอาหารจานผัดที่อร่อยที่สุด

ก่อตั้งโดยนักข่าวชาวโครเอเชีย เมื่อปี 2015 ปลุกปั้นอยู่ 3 ปี จนเป็นที่รู้จักราวปี 2018 แรกเริ่มเลยแนะนำอาหารท้องถิ่นทั่วโลก มีความตั้งใจว่า ในเมื่อ มิชลินไกด์ ให้ดาว trip advisor จัดอันดับที่พัก ดังนั้น Taste Atlas คือการแนะนำอาหาร, ร้านอาหาร มีผู้เชี่ยวชาญมาเพิ่มข้อมูล ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นแหล่งข้อมูล อ้างอิงที่กิน ร้านอร่อย จนถึงรวบรวมสูตรอาหารและวัตถุดิบท้องถิ่น แถมมีรีวิวจากนักชิมอีก

บางคนถึงขั้นยกให้เป็น สารานุกรมอาหาร เสมือนแผนที่อาหารทั่วโลก ดูท่าดาวมิชลิน กำลังมีคู่แข่งเสียแล้ว

ไปดู 10 อันดับกาแฟ ไล่เรียงจาก 10 ไป 1

10  กาแฟเวียดนาม 

คนเวียดนามแต่เดิมไม่ใช่นักดื่มกาแฟ แต่วัฒนธรรมกาแฟนำเข้ามาโดยชาวฝรั่งเศสยุคล่าอาณานิคม ราวกลางศตวรรษที่ 19 ไม่นานก็ได้รับความนิยม ทุกวันนี้เวียดนามสามารถปลูกและผลิตกาแฟส่งออกทั่วโลก กาแฟที่ขึ้นชื่อคือสายพันธุ์โรบัสต้า

โรบัสต้าให้รสเข้ม ขม สีดำชัดเมื่อผ่านการคั่ว และมีเทคนิคเพิ่มกลิ่นของเนย น้ำตาล โกโก้ และวานิลลา คนเวียดนามมีวิธีชงที่เท่ด้วย ใครไปเที่ยวเวียดนามต้องซื้อที่ชงกาแฟที่เรียกว่า phin กลับบ้าน วิธีดื่มแบบชาวเวียดนามคือใส่น้ำตาล บางคนใส่นมข้นหวาน บางคนใส่ไข่แดง เอาที่สบายใจเลย

9  อเมริกาโน่ 

ไม่มีอะไรง่ายกว่านี้อีกแล้ว แค่เอสเพรสโซ่ 1 ช็อต เติมน้ำร้อน ดื่มได้ทั้งวัน (ก็รสมันเบาลงแล้ว) ชื่อนี้มีที่มาจากยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อทหารอเมริกันไปถึงยุโรป ชาวฝรั่งเศสเติมน้ำร้อนลงไปในเอสเพรสโซ่ เพราะทหารอเมริกันรับรสที่เข้มเกินไปไม่ไหว

จะยากอะไรล่ะ…ก็เติมน้ำร้อน เลยได้ชื่อเป็น Americano ซึ่งถ้าเรียกให้ถูกต้องเต็มยศต้องเป็น Caffè Americano

8   แฟลตไวท์ (Flat White)

เอสเพรสโซ่ 2 ช็อต กับนมสดอุ่น จึงเป็นกาแฟรสชาตินุ่มนวลให้ฟองนมน้อย ๆ เรียกว่า microfoam แต่ต้องเลือกเอสเพรสโซ่ชนิดคั่วเข้ม และนมที่เทลงไม่ต้องตีฟองเหมือนคาปูชิโน่ ไม่ต้องมีฟองมาก ไม่มีอากาศมาก 

แฟลตไวท์เริ่มดังช่วงกลางปี 1980s ในออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ตอนไปเที่ยวแดนจิงโจ้จึงงง ๆ อะไรคือ Flat white ซึ่งตอนนี้ไปฮิตในอเมริกาและที่อื่นทั่วโลก

7  แฟรบเป้ (Frappe)

คำนี้เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 19 ว่าไปคือกาแฟชนิดหนึ่งของชาวกรีกที่คิดขึ้นมาเมื่อปี 1957 คือกาแฟสำเร็จรูปผสมน้ำใส่น้ำแข็ง แต่ทำให้หรูขึ้นด้วยใส่ถ้วยเชคเกอร์ คนแล้วเขย่าเหมือนทำค็อกเทล เมื่อเทใส่แก้วเสิร์ฟจึงมีฟองเกิดขึ้นเล็กน้อย 

ตอนนี้แตกสูตรออกเป็นใส่นม ใส่วิปครีมเยอะ ๆ ถ้าไปแถวกรีซ-อิตาลี ตั้งชื่อว่า frapógalo รสชาติก็จะหวานนิด ๆ ระดับ 3 (หวานน้อย) จิบตอนร้อน ๆ ชื่นใจดี ถ้าไปเที่ยวกรีซมีอีกชื่อว่า glykós หวานระดับน้ำตาล 4 ช้อนชา และชนิดไม่หวานก็มีเรียกว่า skétos ยิ่งแปลกไปอีกคือใส่ครีม เหล้า หรือไอศกรีม

6   กาแฟตุรกี (Turkish coffee)

เหมือนกาแฟเวียดนามที่ถ้าไปถึงที่ก็ต้องชิมสักหน่อย ในถ้วยกาแฟสวยแปลกเรียกว่า cezve, ibrik ในภาษาตุรกี คล้ายกาแฟดริป ต้องรอหน่อยจะดื่มอร่อย รสเข้มข้น มีกากกาแฟอยู่ก้นแก้ว มีหมอดูทำนายดวงชะตาจากกากกาแฟในช่วง 7 วันได้ เช่น เวลาต่อจากนี้จะเจอใคร จะสมหวังหรือผิดหวังเรื่องอะไรบ้าง 

กาแฟตุรกีเป็นวิธีชงกาแฟที่เก่าแก่ที่สุด บางคนเติมกลิ่นอบเชย คาร์ดามอม ดื่มสักแก้วกับเตอร์กิช ดีไลท์ (ขนมตุรกี หวาน ๆ นิ่ม) แสนจะเข้ากัน 

 

5  ริสเทร็ตโต (Ristretto)

ชื่อก็บอกว่าเป็นอิตาเลียน ความหมายคือ restricted คือเอสเพรสโซ่ คนอิตาเลียนหมายถึง shot-shot คือใส่ปริมาณเอสเพรสโซ่มากกว่าปกติ 

โดยทั่วเอสเพรสโซ่คือ กาแฟ 1 ส่วน + น้ำ 2 ส่วน สกัดจากเครื่อง ซึ่งเป็นกาแฟดำเข้มข้นแล้ว หาก ริสเทร็ตโต คือกาแฟ 1 ส่วน น้ำ 1 ส่วน หมายถึงจะได้ปริมาณกาแฟที่ลดลงไปอีก แต่เข้มข้นกว่า หนักกว่า ดื่มแล้วตื่นเลย 

ไปอิตาลีสั่งให้ถูก ถ้าบอกว่า Ristreto จะเสิร์ฟในแก้วเดมอีทาส เป็นภาษาฝรั่งเศส (Demitasse-อ่านว่า dem-E-tas) ซึ่งเล็กกว่าแก้วเอสเพรสโซ่ ชื่อเรียกยากอย่างนี้ คนอังกฤษ, อเมริกัน เลยเรียกว่า demi cup

4   กาแฟ โอเลต์ (Café au lait)

กาแฟเอสเพรสโซ่ใส่นมสดแก้วใหญ่ คนฝรั่งเศสนิยมดื่มตอนเช้า ถ้าอยู่อิตาลีเรียกว่า ลาเต้ (Latte) ปริมาณเอสเพรสโซ่เท่ากับปริมาณนม แรกเริ่มเป็นกาแฟที่ชงจากเครื่องชงแบบเฟรนช์เพรส ต่างจากกาแฟลาเต้อยู่ตรงไม่มีฟองนม

3   คอร์ทาโด (Cortado)

คือกาแฟสัญชาติสเปน เอสเพรสโซ่กับนมอุ่น แล้วต่างอะไรจากลาเต้ ที่จริงคือเหมือนกัน แต่ชื่อเรียกคนละภาษาและหมายถึงเทคนิคการชงที่แตกต่างกัน 

วิธีชงคือเทเอสเพรสโซ่ลงในแก้วไซส์เล็ก เทนมอุ่นลงไปไม่ต้องคน แล้วดื่มร้อน ๆ คนสเปนบอกว่า ต้องดื่มที่ร้านไม่นิยมเทคอะเวย์ 

2   คาปูชิโน (Cappuccino)

ชื่อมาจากหมวกของนักบวชคาปูชินในอิตาลี บางคนก็บอกว่ามาจากสีของนมกับสีกาแฟที่เหมือนเชือกผูกชุดของนักบวช วิธีทำมากหน่อย ต้องชงจากเครื่องคือ เอสเพรสโซ่ 1 ช็อต อุ่นนมและสตรีมนมจนเกิดฟองนมหนานุ่ม แล้วเทนมร้อนลงในเอสเพรสโซ่ จากนั้นตักฟองนมเติมลงด้านบนจนฟองนมตั้งขึ้น (เหมือนหมวก) สัดส่วนนมกับฟองนมครึ่งต่อครึ่ง จากนั้นโรยผงโกโก้หรืออบเชย

ที่มาของคาปูชิโน เล่ากันว่า มาจากคำว่า kapuziner ที่เรียกกันในประเทศออสเตรีย ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เมื่อสืบย้อนอดีตไปพบว่า เป็นกาแฟอิตาลีที่เกิดขึ้นช่วงปี 1930 และต้องท็อปปิ้งด้วยวิปครีมให้เป็นยอดตั้ง ๆ แหลม ๆ 

1   เอสเพรสโซ่ (Espresso)

ชื่อภาษาอิตาเลียน มาจากเครื่องชงกาแฟยุคแรกที่ประดิษฐ์คิดค้นโดยชาวอิตาลี Angelo Moriondo ทำในตูริน เมื่อปี 1884 นับเป็นนวัตกรรมที่ก้าวหน้าที่สุดในการชงกาแฟ ได้กาแฟรสชาติอร่อย หอม เข้มข้น และไม่มีกากกาแฟรบกวนการดื่ม

เอสเพรสโซ่ คือกาแฟที่เรียบง่ายที่สุด หอม เข้มข้น ถึงรสถึงกลิ่น และเป็นพื้นฐานกาแฟสารพัดเมนู ตั้งแต่ลาเต้ คาปูชิโน โอเลต์ ฯลฯ แม้จะรู้กันว่า เอสเพรสโซ่ 1 ช็อต มีปริมาณคาเฟอีนมากกว่ากาแฟชนิดอื่น ๆ แต่เราก็ยอมรับ

และต้องดื่มอย่างน้อยวันละ 1 แก้ว หรืออาจมากกว่า…

#TicyCity #TicyDrink #TicyDestination #TicyFood


Exit mobile version