Pride Month 2025
หลายคนคงสงสัยว่า Pride Month คืออะไรมีที่มาที่ไปอย่างไร และเหตุไฉนถึงมีการกำหนดให้เดือนมิถุนายนเป็น Month จะเป็นเดือนอื่นได้ไหม …..เพราะบางคน บางกลุ่ม รู้เพียงว่าเป็นเดือนแห่งการจัดกิจกรรมของผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศเท่านั้น ..มาฟังคำตอบจาก Nai Mu กรูรูสายมูผู้มีเรื่องเล่ามากมายใน God’s City จากเว็บต์ไซต์และเพจ Ticy City ที่ไม่เพียงตอบข้อกังขา แต่ยังเล่าต่อเนื่องไปถึงมีเทพองค์ไหนบ้างที่เป็นผู้อุปถัมภ์ดูแลบรรดา LGBTQIAN+ ตามสไตล์ Nai Mu
เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2568 กิจกรรม Pride Month 2025 ทั่วโลกเริ่มต้นขึ้นแล้ว และจะไปสิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายน 2568 เรียกว่ากินเวลาหนึ่งเดือนเต็มกันเลยทีเดียว
โดยจุดเริ่มต้นของการก่อนเกิด Pride Monthนั้นมาจากเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปะทะกับกลุ่มหลากหลายทางเพศ ที่บาร์เกย์ชื่อ Stonewall Inn ในเมืองนิวยอร์ก เมื่อ 56 ปีที่แล้ว (ช่วง ค.ศ. 1969) ทำให้กลุ่มผู้หลากหลายทางเพศ เริ่มหันมาตระหนักถึงสิทธิและเสรีภาพของพวกตน ปีถัดมา ค.ศ. 1970 ขบวนไพรด์เริ่มเกิดขึ้นครั้งแรก
ณ วันนี้ ใครจะชอบ – ไม่ชอบ เห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม แต่ Nai Mu บอกได้เลยว่าชนกลุ่มนี้ มีอยู่ ! ทุกคนพร้อมที่จะสิทธิเลือกเพศด้วยตนเองอย่างภาคภูมิใจ และ Nai Mu ขอใช้เดือนพิเศษนี้ เล่าเรื่องราวของเหล่า “เทพ-เทวี” ที่แปลงกาย ฉายจริตด้วยเหตุต่างๆกันไป
ความจริงเพศภาวะในมนุษย์เรามีความหลากหลายมาก โลกของเราไม่ได้มีแค่ชายจริง-หญิงแท้เท่านั้น แต่ยังมี ชาย-ชาย, หญิง-หญิง และยังมีวิถีแยกยิบย่อยอื่นๆ อีกหลายกลุ่มซึ่งมีรสนิยมแตกต่างกันไป
ดังนั้น #ทุกคนต้องเลือกเพศเอง ! ความหลากหลายและการยอมรับต่างหากที่จะทำให้โลกเป็นหนึ่งเดียวกับความสวยงามบนความต่าง

โดยองค์อุปถัมภ์ของชาวฮิจรา หรือ เพศที่สามในอินเดีย เป็นเทพธิดาองค์หนึ่งชื่อ “เจ้าแม่พหุชระเทวี” เทวีพื้นเมืองจากอินเดียใต้พระองค์นี้ รวมเป็นปางหนึ่งของพระแม่อุมาเทวี !
สำหรับ “เจ้าแม่พหุชระ” เทวีพระองค์นี้ มี “ไก่แจ้” เป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นและชัดเจนที่สุด พระกรทั้ง 4 หรือ 8 จะทรงไว้ด้วยตรีศูล,ดาบ, คัมภีร์, ดอกบัว, ระฆัง ฯลฯ พระกรหนึ่งในท่าอภัยมุทรา หรือท่าประทานพร ข้างกายจะมีสาวกเป็นคู่รักในเพศเดียวกัน !
เมื่อเทวีท้องถิ่นถูกรวมเข้ามาเป็นปางหนึ่งของพระแม่อุมาเทวี ก็มีเรื่องเล่าว่า เทวีพระองค์นี้เกิดจากหยาดน้ำตาของพระอุมาที่ร่ำไห้ด้วยความสงสารและเห็นใจชาว LGBTQIAN+ ที่เป็นคนชายขอบ นอกวรรณะ ไม่ได้รับการยอมรับจากครอบครัวและสังคม
แต่เดิม คนในกลุ่มนี้ไม่อาจสร้างความภาคภูมิใจในกับครอบครัวได้ น้ำตาหยดนั้น กลายเป็น “เทวีพหุชระ” องค์อุปถัมภ์ของชาวฮิจรา และชาว LGBTQIAN+ นั่นเอง
ทั้งนี้มีเรื่องเล่าเรื่องสืบต่อกันมาเนิ่นนานว่า ยังมีพระราชาองค์หนึ่งไม่มีลูกชาย จึงเที่ยวขอพรต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้มีลูกชายสักคนจะได้เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ตามความเชื่อของศาสนา ต่อมา พระราชาได้ลูกชายคนหนึ่ง ตั้งชื่อว่า “เจโธ” แต่อนิจจา ลูกคนนี้กลับเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ จู๋ไม่แข็ง ไม่รู้สึกยินดียินร้ายกับผู้หญิง เขาเก็บความลับนี้ แม้แต่พ่อก็ไม่รู้ เมื่อเจโธเจริญวัย พ่อจัดแจงให้ลูกชายได้แต่งงานกับสาวคนหนึ่งชื่อ “นางพหุชระ” หลังแต่งงานนอนร่วมเตียง คืนที่หนึ่ง เจโธนอนหงายกุมหำ คืนที่สอง คู่บ่าว-สาวนอนหันตูดชนกัน เป็นอย่างนี้เรื่อยมา
จนแต่งงานกันมาร่วมเดือนทั้งคู่ยังนอนสงบนิ่ง ไม่ได้ประกอบกามกิจประสาผัวเมียเลย หลังจากนั้น …ไม่นาน เจ้าชายเจโธกลับหายไปทุกค่ำคืน ปล่อยให้นางพหุชระนอนอ้างว้างอยู่บนเตียงคนเดียว ก่อนตะวันรุ่งแจ้ง เจ้าชายเจโธก็กลับเข้าบ้าน และนอน … เป็นอย่างนี้บ่อยครั้งเข้า นางพหุชระก็เริ่มระแวงว่า เจโธคงจะซุกเมียนอกสมรสอีกคนไว้แน่ๆ เรื่องแบบนี้ มันต้องตามสืบให้มันรู้แน่ชัด !
คืนหนึ่ง นางแกล้งเป็นหลับอยู่บนเตียง เจโธก็เริ่มสะพายห่อผ้าขี่ม้าเข้าไปกลางป่าลึก สักพักหนึ่ง นางพหุชระก็ควบม้าตามไป จนพบม้าของเจโธถูกผูกไว้ที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง นางคิดในใจว่า เจโธคงอยู่แถวนี้แน่! จึงหลบแอบดูอยู่ พลันเห็นสตรีนางหนึ่ง ใบหน้าระบายสีสัน จัดเข้ม ห่มส่าหรี ท่าทางยั่วยวนมีจริต เดินบิดกายไปหาเหล่าหนุ่มหื่น กลัดมัน … และเริ่มประกอบกามกิจด้วยลีลาเร่าร้อนอย่างสนุกสนาน
แสดงให้เห็นว่าเรื่อง Outdoor ที่เราเห็นในคลิปโลกยุคปัจจุบันนั้น มีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว
หลังเสร็จสิ้นภารกิจ นางพหุชระเพิ่งรู้ว่า เสียงครวญครางอย่างหฤหรรษ์ของหญิงมากจริตผู้นั้น ที่แท้คือ เจโธ ! สามีของนางเอง … เมียที่ไหนจะทนได้ที่เห็นสามีมาสนุกสนานกับเด็กหนุ่มต่อหน้าต่อตา
แล้ววินาทีนั้น… นางพหุชระก็ปรากฏตัวทวงสิทธิ ถามความจริงว่า ทำไมถึงไม่ให้เกียรติคนที่เป็นเมียบ้าง เจโธจึงยอมรับความผิดทั้งปวง เล่าความจริงให้ฟังว่า เป็นคน Born to be Hijra เสื่อมสมรรถภาพกับหญิงมาตั้งแต่เกิด แต่งงานเพราะถูกพ่อบังคับ เจโธก้มกราบเมียขอให้นางยกโทษ นางพหุชระได้ยินเรื่องราวทั้งหมดก็ยกโทษให้เพราะเห็นใจในสามี
เรื่อง “เจโธ-พหุชระ” ทราบถึงพระเนตรพระกรรณของพระอุมา จึงแต่งตั้งให้ “นางพหุชระ” เป็นปางหนึ่งของพระองค์ ทำหน้าที่ ดูแลกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ ส่วนเจโธ นางพหุชระแต่งตั้งให้เป็น “ไก่แจ้” สัตว์พาหนะ เพื่อเดินทาง ติดตามและช่วยเหลือพระองค์
ตำนาน “เจ้าแม่พหุชระ” ยังมีอีกหลายเรื่อง บางเรื่องก็บิด เติม เสริมแต่ง จากเรื่องเดิม เช่น พระราชา พ่อของเจ้าชายเจโธ พอพรกับเจ้าแม่พหุชระ , บ้างก็ว่า เจ้าแม่พหุชระ มาเข้าฝันเจโธ บอกให้ “เฉือนจู๋ แต่งหญิง มาเป็นบริวารคนรับใช้และบูชาพระนาง” เพราะเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เกิดเป็นชายแท้ในชาติภพต่อไป ไม่เช่นนั้น จะต้องเสื่อม และเป็นฮิจราไปอีก 7 ชาติ !
หรืออีกเรื่องหนึ่งว่า นางพหุชระเป็นสตรีในวรรณะสูง ถือพรหมจรรย์ ใบหน้าและทรวดทรงงดงาม วันหนึ่งนางถูกโจรร้ายกลุ่มหนึ่งฉุดคร่า หวังจะข่มขืนนาง แต่นางใจเด็ด ไม่ยอมให้พรหมจรรย์ต้องเปรอะเปื้อน จึงคว้ามืดมาเฉือนเต้านมของคนเองจนเลือดสาดแดง และกล่าวสาปแช่งโจรว่า “นับจากวินาทีนี้ ไอ้โจรใจบาปทั้งหลาย จงไปห่มสาหรี ใช้ชีวิตอย่างสตรีเถิด” เหล่าโจรมีความตื่นกลัว สยดสยองจากเหตุการณ์ “เฉือนเต้านม เลือดสาดไหลนอง” ก็สิ้นอารมณ์กับอิสตรีทั้งปวง เปลี่ยนฐานะของบุรุษไปเป็นฮิจราตลอดกาล !
ที่อินเดีย มีเทวาลัยประจำพระองค์ ชื่อ bahuchara mata temple ส่วนเมืองไทย เท่าที่ทราบ มีเทวาลัยฮินดูของเอกชน ที่ จ. นครสวรรค์ชื่อ “ศรี พหุชรา มาตา เทวลัย” และตามบ้านเรือนของชาว LGBTQIAN+ ก็นิยมพร่ำบ่นภาวนาบูชาพระองค์กัน
และนี่คือ เรื่องเล่า “เจ้าแม่พหุชระ” (Bahuchara Devi) เทวีอุปถัมภ์ LGBTQIAN+ ที่ Nai Mu รู้มา
เรื่อง : Nai Mu