มีนาคม 16, 2025
ticycity.com
Movement Voice

หัตถศิลป์ที่คิดถึง พลิกงานใกล้สูญหาย สู่งานมรดกทางภูมิปัญญา 

ศิลปหัตถกรรมไทย

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปหัตถกรรมไทย และกังวลว่าภูมิปัญญากังกล่าวจะสูญหาย Ticy City บอกได้เลยว่าคลายกังวลได้แล้ว   เมื่อ “SACIT” เปิด 4 ภารกิจผลักดันและพลิกโฉมศิลปหัตถกรรมไทย งานหัตถศิลป์ที่คิดถึง พลิกงานใกล้สูญหาย สู่งานมรดกทางภูมิปัญญา พร้อมเตรียมดันไทยเป็นฮับศิลปหัตถกรรมแห่งอาเซียน

โดยสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) หรือ SACIT (Sustainable Arts and Crafts Institute of Thailand) เดินหน้าภารกิจการสืบสาน สร้างสรรค์ ส่งเสริมงานศิลปหัตถกรรมในทุกมิติ พร้อมเผยแนวทางยกระดับศิลปหัตถกรรมไทยภายใต้การดำเนินงาน 4 มิติ ได้แก่ การรักษางานศิลปหัตถกรรมที่ใกล้สูญหายด้วยแนวคิดหัตถศิลป์ที่คิดถึง การมุ่งเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน การยกระดับงานคราฟต์ผ่านเครือข่ายพันธมิตร และการสร้างองค์กรแห่งความสุข 

นอกจากนี้ ยังมีการทำงานเชิงรุก อาทิ เตรียมเปิดอีเวนต์ครั้งยิ่งใหญ่ ในงาน “SACIT Symposium 2025”  และ “Crafts Bangkok 2025” เพื่อยกระดับงานคราฟต์ไทยสู่เวทีนานาชาติ ส่งเสริมช่องทางการตลาดแก่ผู้ผลิตงานศิลปหัตถกรรม และเตรียมความพร้อมสู่การเป็นฮับด้านงานศิลปหัตถกรรมในภูมิภาคอาเซียน พร้อมขยายฐานการตลาดสู่ภูมิภาคตะวันออกนำร่องด้วยโครงการ “SACIT for Middle East” 

ผศ.ดร.อนุชา ทีรคานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย เปิดเผยว่า SACIT มุ่งการส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทยในปี 2568 ด้วยนโยบาย สืบสาน สร้างสรรค์ ส่งเสริม เพื่อยกระดับงานศิลปหัตถกรรมในทุกมิติ โดยการสืบสาน มุ่งการอนุรักษ์งานงานคราฟต์ดั้งเดิมที่กำลังเลือนหายไป เพื่อให้ยังคงอยู่ในตลาด และในวิถีชีวิตของคนไทยให้มีความสอดคล้องกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง เป็นการทำให้งานคราฟต์มีความร่วมสมัยผ่านการออกแบบ รูปลักษณ์ การคัดเลือกนำวัสดุมาใช้ให้เหมาะสม ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม 

 รวมทั้งส่งเสริมการสร้างการรับรู้ในงานศิลปหัตถกรรม ถ่ายทอดองค์ความรู้ และจัดการวัฒนธรรมศิลปหัตถกรรม เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนในทุกเจเนอเรชั่นเกิดความชื่นชอบและใช้ผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมไทยเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนส่งเสริมด้านการตลาดผ่านการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมให้แพร่หลาย และเพิ่มโอกาสทางการตลาดทั้งในและต่างประเทศ

เพื่อให้งานศิลปหัตถกรรมไทยเกิดการเปลี่ยนที่เป็นรูปธรรม  จึงมีการดำเนินงานใน 4 มิติ โดยมิติแรกคือ “หัตถศิลป์ที่คิดถึง” ซึ่งปี 2568 นี้ จะเน้นสร้างความตระหนักถึงกลุ่มงานหัตถศิลป์ประเภทเครื่องรัก-เครื่องมุก และงานหัตถศิลป์ล้านนาประเภทเครื่องเขินซึ่งปัจจุบันนับว่าเป็นงานศิลปหัตถกรรมที่ใกล้สูญหาย เหลือครูผู้สร้างสรรค์น้อยราย ซึ่งจะมีการสืบสานทั้งในด้านองค์ความรู้ วัตถุดิบ ทักษะเชิงช่างหัตถกรรม และยังมองภาพใหญ่ในแง่มุมของการเชื่อมโยงองค์ความรู้ร่วมกันของทั้งไทยและต่างประเทศ จึงเป็นที่มาของการเตรียมเปิดงานประชุมวิชาการด้านศิลปหัตถกรรมครั้งที่ 1 “SACIT Symposium 2025” ภายใต้แนวคิด “Crafting Sustainability across ASEAN and Beyond” เวทีเพื่อการนำเสนอและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เชิงวิชาการ และนวัตกรรมเกี่ยวกับงานคราฟต์ รวมถึงผลงานการสร้างสรรค์สำหรับกลุ่มงานหัตถกรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์-สืบสาน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกระบวนการผลักดันงานศิลปหัตถกรรมไทยให้เติบโตและสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทั้งไทยและต่างประเทศ โดยมีกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ 8 – 9 สิงหาคม 2568 ณ สถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) ทั้งจะเปิดโอกาสให้กลุ่มคณาจารย์ บุคลากรทางการศึกษา ครูช่างศิลปหัตถกรรม ประชาชนทั่วไปที่สนใจ รวมถึงเครือข่ายต่างประเทศสมาชิกอาเซียนและเอเซีย อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ไต้หวัน และอินเดีย  ได้มีส่วนร่วมนำเสนอและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ภายในงานฯ โดย SACIT มุ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้จะเป็นโอกาสที่นำพาประเทศไทยให้สามารถก้าวสู่การเป็นฮับด้านงานศิลปหัตถกรรมในภูมิภาคอาเซียนได้ต่อไปในอนาคต 

และการรังสรรค์งานหัตถศิลป์ไทยประเภทเครื่องรัก-เครื่องมุก ต้องอาศัยวัตถุดิบจากธรรมชาติดั้งเดิมอย่าง “ยางรัก” ซึ่งปัจจุบันนี้เริ่มกลายเป็นวัตถุดิบที่หายาก โดยยังต้องอาศัยการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน และเพื่อเป็นการบริหารจัดการความเสี่ยงต่อการขาดแคลนวัตถุดิบดังกล่าวในอนาคต จึงได้ประสานความร่วมมือกับหลายภาคส่วนเพื่อร่วมสร้างความตระหนักต่อปัญหาสถานการณ์ดังกล่าว ในการฟื้นฟูและสนับสนุนการปลูก-เก็บเกี่ยว อนุรักษ์พันธุ์พืชที่ให้ยางรัก  SACIT จึงได้เล็งเห็นโอกาสของการผลักดันกลุ่มพืชพันธุ์ไม้ที่ให้ยางรักสู่การเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศไทยต่อไปในอนาคต

 อีกทั้งยังมุ่งเน้นการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งไม่เพียงให้ความสำคัญต่อการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม แต่ยังใส่ใจต่อเรื่องชุมชน สังคม รวมถึงกลุ่มคนผู้ผลิตงานหัตถศิลป์ไทยทั่วทุกภูมิภาคที่ให้ความสำคัญต่อเรื่องของสุขภาพ จึงได้มีการจัดทำงานวิจัยด้านการบริหารจัดการความเสี่ยงต่อสุขภาพของกลุ่มผู้ผลิตงานคราฟต์ โดยศึกษาถึงความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยในการทำงานพร้อมหาแนวทางในการป้องกันและฟื้นฟู

นอกจากนี้ ยังมุ่งมั่นในการส่งเสริมและขยายโอกาสให้กลุ่มคนหลากหลายสามารถเข้าถึงกระบวนการผลิต และการบริโภคงานคราฟต์ ทั้งในมิติทางสังคมและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบางทั้งหลายที่มีศักยภาพ แต่ไม่ได้รับการเปิดโอกาส เช่น กลุ่มผู้ต้องขัง กลุ่มผู้สูงอายุในพื้นที่จังหวัดอยุธยาและบริเวณใกล้เคียง รวมถึงส่งเสริมกลุ่มครูช่างฯ และ สมาชิก SACIT ในกลุ่ม 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อเปิดโอกาสให้นำเอาองค์ความรู้ ไปประกอบอาชีพในอนาคตได้ และสร้างอาชีพที่มีคุณค่า 

รวมทั้งยังส่งเสริมเรื่องโอกาสช่องทางการตลาดโดยมุ่งพัฒนางานคราฟต์ภายใต้แนวคิด ESG ผ่านการเชื่อมโยงงานศิลปหัตถกรรมไทยให้สอดรับกับบริบททางด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล อาทิ ส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือการเชื่อมโยงเครือข่ายชุมชนหัตถกรรมเข้ากับภาคการท่องเที่ยว เพื่อให้เกิดการสร้างอาชีพและรายได้ที่มั่นคงจากงานศิลปหัตถกรรม ผ่านการประสานความร่วมมือกับการท่าอากาศยาน โดยมีแผนการขยายพื้นที่รองรับผลิตภัณฑ์งานคราฟต์จากชุมชน เพื่อจัดจำหน่ายสินค้าที่ระลึกที่มีความร่วมสมัย ณ บริเวณสนามบินสุวรรณภูมิ 

การยกระดับงานคราฟต์ผ่านเครือข่ายพันธมิตร ที่ผ่านมาได้มีการแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงองค์ความรู้เพื่อร่วมพัฒนางานหัตถกรรมระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง และเพื่อเป็นการยกระดับงานศิลปหัตถกรรมไทยให้เป็นที่ประจักษ์สู่เวทีนานาชาติ ปี 2568 นี้  จึงได้ริเริ่มโครงการ “SACIT for Middle East” โดยมีแผนการร่วมออกงานโรดโชว์ เพื่อสร้างการรับรู้ถึงเสน่ห์ของผลิตภัณฑ์หัตถศิลป์ไทย อาทิ งานเครื่องปั้นดินเผาที่มีเอกลักษณ์ และงานศิลป์ชั้นสูงอย่างเครื่องเบญจรงค์ ที่มีส่วนผสมของทองคำซึ่งตอบโจทย์ต่อรสนิยมของกลุ่มคนที่มีรายได้สูงในตลาดตะวันออกกลางที่ให้คุณค่ากับงานคราฟต์ที่มีความประณีต ให้กลิ่นไอความลักซ์ชัวรี 

สำหรับการส่งเสริมสร้างการรับรู้ในงานศิลปหัตถกรรมไทย โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ให้เกิดความรัก ความชื่นชอบ ความหลงใหลในงานศิลปหัตถกรรมไทยเพิ่มมากขึ้น ได้มีการสื่อสาร ส่งต่อองค์ความรู้ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล อาทิ Facebook, Instagram, X, Thread, TikTok, YouTube ฯลฯ  และถ่ายทอดองค์ความรู้ในรูปแบบคอนเทนต์ที่มีความหลากหลายตรงกับไลฟ์สไตล์การบริโภคสื่อของผู้คนในยุคปัจจุบัน รวมทั้งสื่อสารสร้างการรับรู้ในงานศิลปหัตถกรรมผ่านกลุ่ม Micro Influencer ที่มีผลต่อความชื่นชอบของกลุ่มคนรุ่นใหม่อีกด้วย

นอกจากการสื่อสาร SACIT มีการผลักดันตลาดงานคราฟต์ภายในประเทศ โดยเตรียมจัดงานแสดงและจำหน่ายงานคราฟต์ครั้งยิ่งใหญ่แห่งปีในงาน “Crafts Bangkok 2025”  โดยจะรวบรวมงานคราฟต์ร่วมสมัยจากผลงานครู ทายาท สมาชิก และผลิตภัณฑ์หัตถกรรมไฮไลต์จากมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อาทิ ผ้าไหม ผ้าฝ้าย จักสานกระจูด ไม้แกะสลัก ผ้าปัก ผ้าชาวเขา และเครื่องปั้นดินเผา ทั้งยังเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ที่ปรับประยุกต์เข้ากับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคเพื่อตอบโจทย์เทรนด์ในยุคปัจจุบัน เช่น Craft Toy และงานคราฟต์หมวดหมู่อื่น  โดยมีกำหนดการจัดงานระหว่างวันที่ 18 – 22 มิถุนายน 2568
ณ ฮอลล์ 5 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์”ติดตามข้อมูลข่าวสารของสถาบันส่งเสริมศิลปหัตถกรรมไทย (องค์การมหาชน) ได้ที่เว็บไซต์ https://sacit.or.th/th  Official https://www.tiktok.com/@sacit_official

Leave feedback about this

  • Rating

Fashion, Trends

อูลาแล็บ

Destination, Travel

เมสัน จับ

Culture, Ticy Entertainment

‘High Pot

Destination, Food

‘ข้าวแช่’

PR news, TICY PR

ปลดล็อกคว