ticycity.com Contents Culture God's City ดวงดาว และเทพบรรพบุรุษในเทศกาลกินเจ เดือน 9 
Culture God's City

ดวงดาว และเทพบรรพบุรุษในเทศกาลกินเจ เดือน 9 

ประเพณีกินเจที่จังหวัดภูเก็ต

ปีนี้เทศกาลถือศีลกินผักในประเทศไทยจะเริ่มตั้งแต่วันอังคารที่ 21ตุลาคม ถึงวันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2568 Nai Mu กรูรูสายมูแห่ง God’s City  ผู้มีเรื่องเล่ามากมายจากเว็บต์ไซต์และเพจ Ticy City เลยถือโอกาสมาชวนสายมูและไม่มูทั้งหลายไปทำความรูจักกับ ดวงดาว และเทพบรรพบุรุษในเทศกาลกินเจ เดือน 9  โดยเฉพาะประเพณีกินเจที่จังหวัดภูเก็ต ที่โด่งดังไปทั่วโลก

Vegetarian Festival หรือ เทศกาลถือศีลกินผัก หรือ เจี๊ยะฉ่าย นั้น เป็นเทศกาลของคนไทยเชื้อสายจีน แต่ในเมืองจีนไม่ปรากฏประเพณีนี้  โดยที่กรุงเทพฯ และหลายพื้นที่ของต่างจังหวัด จะเห็นคนจีน หรือคนไทยเชื้อสายจีน แต่งกายต่างจากปกติในชีวิตประจำวัน ในช่วง 9 วันนี้ ซึ่งจะเปลี่ยนมาเป็นการนุ่งขาว ถือศีล ไหว้พระ ไหว้เจ้า ละเว้นการกินเนื้อสัตว์ หันมากินผักแทน  บางโรงเจหรือบางวัดจะมีการจัดแท่นบูชาเทพเจ้า 9 พระองค์ บางแห่งมีการแห่เจ้า ซึ่งเป็นประเพณีของชาวจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  แต่ไม่มีที่แห่งใดในประเทศไทยที่เอิกเกริกเท่าประเพณีกินเจที่จังหวัดภูเก็ต ! สารตั้งต้นของการกินเจ … 

Vegetarian Festival บนเกาะภูเก็ต

ปีนี้เทศกาลถือศีลกินผัก ในประเทศไทย จะเริ่มวันอังคารที่ 21 ตุลาคม –วันพุธที่ 29 ตุลาคม

“เจ” แปลว่า อุโบสถ หรือ ถือศีล 8 นั่นเอง เป็นตำนานเล่าสืบกันมาในเกาะภูเก็ตแต่โบราณว่า เมื่อปี พ.ศ. 2370 ในสมัยรัชกาลที่ 3 เคยเกิดโรคระบาดบนเกาะแห่งนี้ ทำให้ผู้คนล้มตายจำนวนมาก คณะงิ้วชาวฮกเกี้ยนที่อพยพมาอยู่ในอำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต มีความเชื่อหนึ่งว่า บ้านของตนเมื่อจะสะเดาะเคราะห์ ต้องงดบริโภคเนื้อสัตว์ กินผัก ถือศีล สวดมนต์ จะปัดเป่าเพทภัย เคราะห์ร้าย ให้ผ่านพ้นไปด้วยดี  ชาวบ้านจึงลองปฏิบัติดู ปรากฏว่า ผู้ที่ปฏิบัติตามนี้ รอดพ้นจากโรคระบาดทุกคน … 

โดยในช่วงสมัยก่อน เป็นเพียงความเชื่อเฉพาะกลุ่ม มิได้เป็นชุมชนใหญ่เช่นทุกวันนี้ ต่อมาเกิดโรคระบาดอีกหลายครั้ง หลักปฏิบัตินี้ได้ถูกหยิบมาใช้และก็สัมฤทธิ์ผลทุกครั้ง ชุมชนคนกินเจในเกาะภูเก็ตจึงเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ การถ่ายเทความเชื่อของผู้คนจากภูเก็ตได้ไปถึงดินแดนอื่น ๆ ใกล้เคียง เช่น ประเทศสิงคโปร์ , ประเทศมาเลเซีย และประเทศอินโดนีเซียบางส่วนก็ได้อิทธิพลในการถ่ายทอดนี้ไป และเชื่อในการกินเจเหมือนกัน ! 

การสืบทอดการถือศีลกินผักมาพร้อมกับการแสดงอิทธิฤทธิ์ผ่านม้าทรงที่แทงของแหลมคม ผ่านส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น แก้ม ปาก ลิ้น และร่างกาย และนับวันพิธีนี้จะพิสดารมากขึ้น จนบางครั้งดูน่ากลัวก็มี

ทุกวันนี้ การกินเจชองจังหวัดภูเก็ต  เป็น Vegetarian Festival ที่คนต่างประเทศ และคนไทยในจังหวัดอื่น ๆ ต่างหลั่งไหลเข้าร่วมงานกันอย่างคึกคัก ในช่วงนี้ ทั้งเกาะจะขายแต่อาหารเจเท่านั้น  โดยจุดขายของเทศกาลนี้ อาหารเป็นรอง  “พิธีกรรม” คือเป็นจุดขายสำคัญ  มีประเพณีการเชิญเทพเจ้าแห่รอบเมือง หรือที่เรียกว่า อิ้วเก้ง และเหล่าม้าทรงจะแสดงแสดงอิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ  นอกจากแทงด้วยของแหลมคมแล้ว  รวมถึง พิธีลุยไฟ หรือ โก๊ยห้วย  ซึ่งพิธีกรรมเหล่านี้เชื่อว่า ม้าทรงได้ข้ามกองไฟศักดิ์สิทธิ์ และแทงทรมานร่างกาย เพื่อชำระร่างกายให้บริสุทธิ์  ข้ามผ่านความทุกข์ยากและวิบากกรรมทั้งหลาย เป็นการปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ให้บรรดาลูกศิษย์ลูกหา 

ต่อมา การเล่าเรื่องจึงผสมผสานไปกับ ลัทธิเต๋า และพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ! 

พระนางมรีจิโพธิสัตว์
เต๋าบ๊อและเทพเจ้า ทั้ง 9 วัดมังกรกมลาวาส

ฝ่ายเต๋า เริ่มจาก มารดาผู้ให้กำเนิดดวงดาวทั้งหลาย หรือ เต๋าบ้อหง่วงกุง (Dou Mu Yuan Jun) อันหมายถึง เจ้าแม่ดาวกระบวยใหญ่  ในพุทธศาสนาฝ่ายมหายานและวัชรยาน เรียก  พระมรีจิโพธิสัตว์ (Marici Bodhissattva) , ฝ่ายพราหมณ์คือ พระอุษาเทวี (Utsaha Devi) พระนางคือ แสงอาทิตย์ยามเช้าที่ขจัดความมืด สิ่งชั่วร้าย แก้ไขดวงชะตา นางเกี่ยวข้องกับดวงดาวทั้ง 9 ในเทศกาลกินเจ ฝ่ายเต๋า , ทางพุทธศาสนา เกี่ยวข้องกับ พระพุทธเจ้า 7 พระองค์ และพระโพธิสัตว์ 2 พระองค์ นอกจากนี้ ยังอาจจะหมายถึง ราชาในบรรพกาลยุคก่อนประวัติศาสตร์ ทั้ง 9 พระองค์ด้วย

คนทั่ว ๆ ไปในชีวิตประจำวันอาจจะคุ้นเคยกับ ดวงดาวทั้ง 9 คือ พระอาทิตย์,พระจันทร์,พระอังคาร,พระพุธ,พระพฤหัสบดี,พระศุกร์, พระเสาร์,พระราหู และพระเกตุ จักรวาลและดวงดาวทั้งหลายเกิดเมื่อพระศิวะองค์ปฐมและพระศักติร่ายรำสร้างจักรวาล  ฝ่ายโหราศาสตร์ว่า พระศิวะสร้างดวงดาวเหล่านี้ จากการป่นวัตถุต่างๆ และเสกเป่าจนเกิดเป็นดวงดาวทั้ง9 ดวง

การกินเจมีจุดหมายเพื่อบูชาเทพเจ้า ซึ่งเป็นบุคคลาธิษฐานของดวงดาวทั้ง 9 ดวง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเต๋าและพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน  

พุทธศาสนามหายาน มาพร้อมกับพระพุทธเจ้า 7 พระองค์  และพระโพธิสัตว์ 2 พระองค์ เรียก “กิ๋วอ๊วงฮุกโจ้ว” มีนามดังนี้  พระวิชัยโลกมนจรพุทธะ, พระศรีรัตนโลกประภาโมษอิศวรพุทธะ, พระเวปุลลรัตนโลกวรรณสิทธิพุทธะ, พระอโศกโลกวิชัยมงคลพุทธะ, พระวิสุทธิอาศรมโลกเวปุลลปรัชญาวิภาคพุทธะ, พระธรรมมติธรรมสาครจรโลกมโนพุทธะ, พระเวปุลลจันทรโภคไภสัชชไวฑูรย์พุทธะ , พระศรีสุขโลกปัทมอรรถอลังการโพธิสัตว์ และพระศรีเวปุลกสังสารโลกสุขอิศวรโพธิสัตว์  โดยมารดาของเหล่าพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์คือพระมรีจิโพธิสัตว์  ซึ่งนามพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์แค่มีการกล่าวถึงแต่ไม่ปรากฎรูปฏิมาให้เห็น  วัดทั้งหลาย เมื่อถึงคราวเทศกาลจะจะนำเอาพระมรีจิโพธิสัตว์ ตั้งกลาง แวดล้อมด้วยเทพเจ้าในฝ่ายเต๋าทั้งสิ้น

ฝ่ายเต๋า กล่าวว่า เทพแห่งดวงดาวทั้ง 9 รับบัญชาจาก “เต๋าบ๊อ”  ให้มาสร้างความสมดุลแก่โลกธาตุทั้งหลาย เพื่อให้มนุษย์สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นสุข 

 Nai Mu จะเล่าเรื่องสนุก ๆ ให้ฟังว่า  วันหนึ่ง เต๋าบ้อหง่วง นางคือ แม่ของเง็กเซียนฮ่องเต้  ผู้ให้กำเนิดจักรวาล สร้างแล้วก็ยังไม่ได้จัดระเบียบ จนมหาเทพตงหัวตี้จวิน และ เจ้าแม่ซีหวังหมู่ หรือเจ้าแม่สวรรค์ตะวันตกผู้เป็นเจ้าของสวนท้อสวรรค์ ก็ร่วมกันจัดระเบียบดาวต่าง ๆ ให้สมบูรณ์ เพื่อให้ดวงดาวต่าง ๆ โคจรได้ในจักรวาล

อีกเรื่องหนึ่งว่า เมื่อเต๋าบ้อหง่วงกุง สร้างจักรวาลเสร็จ วันหนึ่งก็เดินเหินไปพบสระน้ำวนแห่งหนึ่ง นางเห็นความว่างเปล่าในเวิ้งน้ำนั้น จึงเนรมิต ดอกบัว 9 ดอกในสระน้ำวนนั้น ดอกบัวลอยอยู่เหนือสระ จนเมื่อดอกบัวบานก็พบเด็กน้อยทั้ง 9 คนอยู่ภายใน  นางจึงเข้าไปอุ้มเด็กทั้ง 9 คน เท้าของนางซ้าย-ขวาเหยียบดอกบัว 2 ดอก ดอกบัว 2 ดอกนั้นก็จมลงในใต้สระนั้น นางได้เด็กทั้ง 9 คนไปเลี้ยงดู เรื่องเล่าของคนโบราณเพื่อจะบอกว่า ดอกบัว 2 ดอกที่จมใต้น้ำนั้น เป็นดวงดาวที่มองไม่เห็น ส่วนอีก 7 ดวง สามารถมองเห็นด้วยสายตา   แม้จะเรียบง่าย แต่ก็ได้ใจความเหมือนเรารู้จักแค่ดาวทั้ง 7 ดวงนั่นแหละ

กิ่วอ๊วงไต้เต๋ หรือ ราชันทั้ง 9 ในเทศกาลกินเจ

ชื่อเทพเจ้าดวงดาวทั้ง 9 ดวง ประกอบด้วย  ดาว 7 ดวงแรก สามารถมองเห็นได้ และอีก 2 ดวง ไม่สามารถมองเห็นได้ 

– ถางหลางไท่ซิงจวิน  

– จูเหมินหยวนซิงจวิน  

– ลู่ชุนเจินซิงจวิน 

– เหวินฉิ่วหนิ่วซิงจวิน 

– เหลียนเจิ้นกางซิงจวิน 

– อู่ฉวีจีซิงจวิน 

– ปั๋วจวินกวนซิงจวิน 

– จั่วฟู่ต้าเต้าซิงจวิน –  มองไม่เห็น

– อวี้ปี้ต้าเต้าซิงจวิน –  มองไม่เห็น 

เทพทั้ง 9 พระองค์นี้ถูกแต่งตั้งเป็น “จิ่วหวงต้าตี้” หรือ “กิ่วอ๊วงไต้เต๋” กลับไปประจำที่ดอกบัวในสระน้ำวนเหมือนเดิม วันสุดท้ายของการกินเจ จะมีการบูชามารดาดวงดาว “เต๋าบ๊อ”ด้วย

เทพพาหนะของเต๋าบ้อหง่วงกุง เป็นราชรถ เทียมด้วยหมู 9 ตัว เชื่อว่า เทพดวงดาวทั้ง 9 อวตารให้พระมารดา พระมริจิโพธิสัตว์ ผ่านความเชื่อนี้ ด้วยพระปฏิมาจะมีพระพักตร์หนึ่งเป็นหมู ! ประทับบนราชรถนี้ หรือประทับบนดอกบัว 

ทางโหราศาสตร์ ดาวทั้ง 9 มีชื่อเรียกแตกต่างดังนี้  ดาวเทียนผิง (ทิศเหนือ-ธาตุน้ำ), ดาวเทียนเร่ย (ทิศตะวันตกเฉียงใต้ –ธาตุดิน), ดาวเทียนชง (ทิศตะวันออก-ธาตุไม้), ดาวเทียนฟู (ทิศตะวันออกเฉียงใต้ – ธาตุไม้), ดาวเทียนฉิน (ทิศกลาง – ธาตุดิน), ดาวเทียนซิน (ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ธาตุทอง), ดาวเทียนจู้ (ทิศตะวันตก – ธาตุทอง), ดาวเทียนเหริน (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ – ธาตุดิน), ดาวเทียนยิง (ทิศใต้-ธาตุไฟ)

นอกจากนี้ ยังอาจเกี่ยวข้องกับเทพบรรพกาลของชาวจีน ยุคก่อนประวัติศาสตร์  เช่น 

จักรพรรดิฝูจี  ผู้มีกายครึ่งคนครึ่งงู ผู้เป็นสามีเจ้าแม่หนี่วา ที่สร้างมนุษย์จากดิน ฝูจีเป็นผู้สั่งสอนให้ราษฎรรู้จักการสร้างวัฒนธรรม ชุมชน และทำมาหากินด้วยการจับสัตว์มาเลี้ยงและฝึกใช้งาน

จักรพรรดิเสินหนง เทพกสิกร ผู้ประดิษฐ์คันไถ และสอนวิชาเกษตรกรรมให้ชาวบ้าน

จักรพรรรดิหวงตี้  หรือ จักรพรรดิเหลือง ผู้เชี่ยวชาญในการรบ ประดิษฐ์เข็มทิศ รวมเผ่าและผู้วางรากฐานทางอารยธรรม

พระเจ้ากิ้มเต็กอ๋องฮองเต้ ผู้ปราบ 5 ชนเผ่ารวมเป็นหนึ่ง ริเริ่มการปักผ้าของขุนนางและหมวก ทรงสร้างสัญลักษณ์สัตว์ในตำนาน อย่าง มังกรและหงส์ ทั้งยังรวมสัตว์จาก 5 ชนเผ่า เช่น งู จระเข้ กวาง สิงโต ไก่ อีกด้วย 

จักรพรรดิจวงซี ผู้ริเริ่มการนับปฏิทิน  4 ฤดูกาล

จักรพรรดิตี้ขู้  จักรพรรดิในยุคสำริดและโลหะ และริเริ่มจัดทำกฎหมาย  และตำราปฏิทินเพื่อการเกษตร และปลูกต้นไม้ตามฤดูกาล

จักรพรรดิถังเหยา ราชานักบุญ เป็นยุคที่บ้านเมืองสงบสุข ปราศจากสงคราม ปกครองแผ่นดินด้วยความสงบ บ้านเมืองรุ่งเรือง ทรงคุณธรรมสูง สร้างโรงทาน โรงเรียนตั้งศูนย์ดูแลคนแก่ เด็กและผู้ป่วย มีวิธีทำให้คนชั่วกลับตัวกลับใจ

จักรพรรดิซุ่น ผลิตเครื่องมือเครื่องใช้สมัยใหม่ 

จักรพรรดิหยวี่ เป็นราชานักพัฒนา เช่น เจาะภูเขา สร้างเขื่อนเก็บน้ำ ทำการชลประทานเพื่อการเกษตรในยุคแรก เป็นต้น

ทั้งหมดเหล่านี้คือ ตำนานแห่งดวงดาวทั้ง 9 และบุคลาธิษฐานของ เทศกาลถือศีลกินผัก ในช่วงเดือน 9 ทางจันทรคติของจีน

เรื่อง :  Nai Muข้อมูล – ภาพ  : จากอินเทอร์เนต  และเพจหมื่นเทพเทวะ

Exit mobile version