มิถุนายน 28, 2025
ticycity.com
Culture God's City

“ความหลากหลายทางเพศ” ของเหล่าเทพฮินดู! 

มา…เข้ามา..มาตาม Nai Mu กรูรูสายมูผู้มีเรื่องเล่ามากมายใน God’s City จากเว็บต์ไซต์และเพจ Ticy City ที่จะพาไปทำความรู้จักกับ “ความหลากหลายทางเพศ” ของเหล่าเทพฮินดู  เพื่อเป็นการร่วมฉลองPride Month 2025 กัน จะได้ไม่ตกเทรนด์

Pride Month 2025

แม้ว่า “เจ้าแม่พหุชระ” ที่  Nai Mu ได้กล่าวถึงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จะเป็นองค์อุปถัมภ์ของชาวฮิจรา และชาว LGBTQIAN+ โดยตรง  แต่ก็ยังมีเกร็ดการแปลงกายเฉพาะกิจของทวยเทพองค์อื่นๆ ในรูปสตรี ! 

ความหลากหลายทางเพศมีแทรกอยู่ในเรื่องราวโบราณ และไม่ได้เป็นเรื่องน่ารังเกียจหรือผิดบาปแต่อย่างไร ? 

แต่นั่น ไม่ได้หมายความว่า “กายเป็นชาย ใจเป็นหญิง ชอบเขียนคิ้ว ทาปาก แต่งตัวเป็นหญิง” จะได้รับการยอมรับเต็มร้อยเปอร์เซนต์  คนกลุ่มนี้ยังถูกกีดกันออกจากสังคมอินเดีย 

ฮิจรา (ฮิชระ) คือ เพศที่สาม หรือ “กะเทย” ซึ่งส่วนใหญ่จะออกจากบ้านเพราะทางบ้านไม่ยอมรับตัวตนของพวกเขาจึงมารวมกลุ่มอยู่กับเพื่อนๆ และเรียนรู้ที่จะเอาชีวิตรอดในสังคม ไม่ว่าจะเป็นชาติไหนก็ตาม  

“นับจากนี้ ให้เหล่าฮิจรามีวาจาสิทธิ์ และคำพูดนั้นจะเป็นจริงเสมอ ทั้งการให้พรและสาปแช่ง” ! : พระราม

แต่ปัจจุบัน  ฮิจราอินเดียที่โดดเด่นและประสบความสำเร็จเป็นที่รู้จักของผู้คนและสังคมก็มีให้เห็น เช่น 

Joyita Mondal (จอยดา มอนดัล) ผู้พิพากษาเพศที่สามชาวเบงกาลีคนแรกของอินเดีย 

 K. Prithika Yashini (ปริธิกา ยาชินี) สารวัตรหญิงข้ามเพศคนแรกของอินเดีย ในรัฐทมิฬนาฑู 

 Natasha Biswas ผู้ชนะการประกวดนางงามเพศที่สามคนแรกของอินเดีย

 Laxmi Narayan Tripathi นักรณรงค์ LGBT ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจของอินเดียในการรับรองอัตลักษณ์ทางเพศของบุคคลข้ามเพศอย่างถูกกฎหมายในปี 2014 

และยังมี Kochi Metro Rail Ltd. บริษัทของรัฐบาลแห่งแรกของอินเดียที่ให้การจ้างชาวฮิจราทำงานเป็นจำนวนมาก 

พระราม ผู้ฉายแสงให้ฮิจรามีตัวตน

ในมหากาพย์รามายณะ แม่ของพระพรต คือ นางไกยเกษี ถูกนางค่อมกุจจี ยุยงให้ทูลต่อท้าวทศรถให้รักษาสัญญาที่เคยให้ไว้กับนางไกยเกษีในอดีตว่า ขอสิ่งใดจะให้ ! นางไกยเกษีจึงขอให้พระพรต ลูกชายของนางขึ้นครองราชย์ แทนที่จะเป็นพระราม ดังนั้น เพื่อให้คำพ่อศักดิ์สิทธิ์ พระรามจึงพร้อมปฏิบัติตาม องค์ราม – ลักษมัน และสีดา ต้องไปบำเพ็ญพรตในป่าถึง 14 ปี … พระพรต ว่าราชการโดยมี “ฉลองพระบาท” ของพระราม วางเหนือราชบัลลังก์ เป็นตัวแทนของ “พระราม” ในการบริหารแผ่นดิน เพื่อรอวันที่พี่ชายกลับมา

พสกนิกรทุกเพศวัย ต่างอาลัยในตัวพระราม จึงพร้อมใจกันออกเดินทางมาส่งเสด็จ … เมื่อพ้นประตูเมืองมาได้ระยะหนึ่ง องค์รามได้กล่าวคำขอบคุณต่อชาวบ้านทั้งหลาย 

“เราขอขอบใจพวกท่านทั้งหลาย ที่สละเวลาทำมาหากินมาส่งเรา ขอให้เหล่าชาย-หญิง กลับเข้าเมืองเพื่อหาเลี้ยงชีพตามปกติเถิด เห็นพระพรตเสมือนเห็นเรา จงรัก ภักดีและเชื่อมั่นในพระองค์เถิด  14 ปีหลังจากนี้ เราจะพบกันอีกครั้ง” 

ผ่านเวลา 14 ปี เมื่อองค์รามชนะศึกทศกัณฑ์ และกลับเมือง บริเวณนอกเมืองอโยธยา ณ จุดเดิม เกิดหมู่บ้าน เป็นชุมชนเล็กๆ ของกลุ่มฮิจราที่รอคอยการกลับมาของพระราม  เพราะยึดมั่นในคำตรัสสุดท้าย ด้วยตระหนักว่า พวกเธอ “ไม่ใช่ชายและหญิง” จึงไม่กลับเข้าเมืองเหมือนเพศชาย- หญิง  พระรามกล่าวยกย่องความซื่อสัตย์ ภักดี ทรงประทานพรว่า 

“นับจากนี้ ให้เหล่าฮิจรามีวาจาสิทธิ์ และคำพูดนั้นจะเป็นจริงเสมอ ทั้งการให้พรและสาปแช่ง” ! 

ภาพสตรีของพระคเณศ นมตู้ม!

“แสงแรก” ที่สาดเข้ามาในกลุ่มฮิจระ ทำให้เธอเหล่านั้นเริ่มมีตัวตนและศักดิ์ศรี กลุ่มฮิจระใช้ความชำนาญร้องรำทำเพลงในงานต่างๆ , บ้านไหนมีเด็กเกิดใหม่ก็จะไปให้พร บางครอบครัวยินดี แต่บางครอบครัวถือว่าไม่ได้เชื้อเชิญ เหมือนเข้าไปขอเงินดื้อๆ ถูกหาว่าเป็นขู่กรรโชกทรัพย์ , บางครอบครัวที่หาเช้ากินค่ำ ไม่มีเงินมากพอ ก็อาจจะให้เป็นอย่างอื่นแทน เช่น ข้าวสาร, เครื่องเทศ, ผัก, ผลไม้  พวกเธอนำสิ่งที่ได้เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเงิน หรือข้าวของไปประทังชีพเลี้ยงดูตนเองตามอัตภาพ แม้คนส่วนใหญ่อาจจะเชื่อว่า คำพรเป็นเรื่องไร้สาระ  แต่ก็ย้อนแย้ง กลัวคำสาปแช่งด่าทอของชาวฮิจราจะเป็นจริงมาก  ! 

อรรธนารีศวร ครึ่งพระศิวะและนางปราวตี

“ศิวะ-นารายณ์” สัมพันธ์สวาทจนติดลูก! 

คราวกวนเกษียรสมุทร พระวิษณุที่นั่งเป็นประธานอยู่ได้อวตารเป็นสาวสวยมากจริตชื่อ “โมหินี” เพื่อเข้าไปแบ่งน้ำอมฤต ให้ฝ่ายเทวดา และยั่วยวนให้ฝ่ายอสูรหลงกล เคลิบเคลิ้มไปกับความสวยของนาง แต่คนที่ตะลึง ไม่ใช่มีแค่อสูรเท่านั้น แต่ยังมีพระศิวะอีกคน ที่หลงในความสวยของนางโมหินีขนาดไม่ยอมทำการบ้านกับพระอุมา … เหตุที่ พระศิวะกับพระวิษณุต้องสมรสสมรักจนติดลูก เพราะมีเหตุ มาตั้งแต่สมัยนางทุรคาสังหารมหิงสาสูร  น้องสาวชื่อ มหิงสี ขอพรจากพระพรหมว่า ให้ตายด้วยลูกของพระศิวะและพระวิษณุ เพราะนางคิดว่า เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ที่ผู้ชาย 2 คนจะมากินกันเอง มดลูกก็ไม่มี จะติดลูกได้ยังไง  

เหตุนี้ พระวิษณุ จึงต้องอวตารเป็นนางโมหินีอีกครั้ง เพื่อแก้กำหนัดให้มหาเทพ ! ให้น้ำเชื้อแล่นทะลุทะลวงเป้าหมายจนติดลูกชายสมใจ ซึ่งเป็นเทพท้องถิ่นพระองค์หนึ่ง ชื่อ “อัยยัปปัน” หลังสังหารอสูรมหิงสี เสร็จกิจก็ถือพรหมจรรย์ตลอดชีวิต การปรองดองของเทพคู่ “พระวิษณุ-พระศิวะ” นี้ เรียกว่า  พระหริหระ ! 

นางพฤหันนลา ภาคแบ่งชาย – หญิง

‘พฤหันนลา’ รูปสตรีของอรชุน ! 

มหากาพย์ “มหาภารตะ” เหล่าพี่น้องปาณฑพทั้ง 5  ท้าวปาณฑุ เจอคำสาปของฤาษีให้เป็นหมัน และเมื่อใดที่เกิดอารมณ์กับเมียก็จะตุยเย่ในทันที นางกุนตี เมียเอกรู้มนต์ขอลูกกับเทวดา ขอเทวดา 3 พระองค์ ได้ลูก 3 คนคือ ยุธิษฐิระ, ภีมะ, อรชุน ส่วนเมียรองคือ นางมาทรี ได้ลูกแฝดชื่อ นกุล และสหเทพ 

“อรชุน” เกิดจากการประสาทพรของพระอินทร์ ! 

เมื่อพี่น้องปาณฑพทั้ง 5 ต้องเดินป่าเป็นเวลา 14 ปี  ในปีที่ 13 ลูกสาวที่เป็นลูกของพระอินทร์ชื่อ อุรวศี แรกพบสบพักตร์กับอรชุนก็ให้หวั่นไหว ร้อนรุ่ม จนต้องมาโฉบอรชุนไปสวรรค์ แถมลอบเข้าห้องตอนผู้ชายหลับ หมายจะรวบหัวรวบหาง กินกลางตลอดตัว นางอุรวศีถูกอรชุนปฏิเสธ จึงโมโหเลยสาปให้อรชุนมี “กี” ตลอดชีวิตซะเลย งานนี้ พ่อตัวจริง พระอินทร์จึงต้องมาแสดงตัว ว่า อรชุนเป็นลูกของพ่อและพี่ชายของเจ้า !  พี่น้องสายเลือดเดียวกันจะมาทำแบบนี้ไม่ได้ นางอุรวศีกล่าวสาปแล้วแก้ไม่ได้ แต่จะลดโทษเหลือ 1 ปี 

ในปีที่ 14  พี่น้องทั้ง 5 ต้องแปลงเป็นคนอื่นที่ไม่มีผู้ใดจำได้ ! ฝ่ายอรชุน จึงเป็นฮิจรา ชื่อ “นางพฤหันนลา” ทำหน้าที่ครูสอนดนตรีและการเต้นรำ ให้กับนางอุตตรา ลูกสาวของท้าววิราฎ 

“อรรธนารีศวร” ครึ่งหญิง-ครึ่งชาย

อรรธนารีศวร รูปกายแบ่งครึ่งของพระศิวะและนางปารวตี ขวา- บุรุษ , ซ้าย-สตรี  รูปกายนี้เพื่อยืนยันว่า ชายและหญิงเป็นหนึ่งเดียวกัน ในชายมีหญิง ในหญิงมีชาย ต่างเติมเต็มซึ่งกันและกัน รูปนี้ปรากฏครั้งแรกในยุคสร้างโลก เมื่อพระพรหมสร้างแต่มนุษย์ผู้ชาย ไม่มีกำลังในขยายเพิ่มประชากรได้ อับจนหนทางจึงบำเพ็ญตบะขอพรจากพระศิวะให้ช่วยแก้ปัญหาดังกล่าว พระเป็นเจ้าแสดงรูปกายนี้ พระพรหมจึงเข้าใจ และสร้างรูปสตรี ให้เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ขยายจำนวนประชากรในโลก ครึ่งศิวะ-อุมา เรียก  “พระอรรธนารีศวร”  ,ภายหลังมีเกิดครึ่งวิษณุ –ลักษมี เรียก “พระไวกูณฐกมลาจ”

 พระวินายกี พระคเณศ ปางสตรี

“วินายกีเทวี” คเณศปางสตรี !  

พระคเณศ ลูกของมหาเทพศิวะและเทวีปารวตี ก็มีรูปสตรี เอวเล็ก หน้าอกใหญ่ มีพระพักตร์เป็นช้าง เรียก พระวินายกี , วิฆเณศวรี, คเณศวรี โดยปางนี้ได้พลังจากพระแม่ตรีศักติ (พระอุมา, พระลักษมี, พระสรัสวดี) แบ่งกำลังและประทานพรให้เกิดในรูปนี้  

เป็นอันว่าNai Mu ขอจบเรื่อลเล่า “เทพหลากหลาย”  จากตำนานอินเดียแต่เพียงนี้  

เรื่อง :  Nai Mu

Leave feedback about this

  • Rating

Destination, Travel

เทใจให้ฤด

Destination, Nightlife

คืนวันพุธ

Destination, Travel

จุดไฟความ

Destination, Food

ลิ้มรสควา

Health, Trends

เปิดประสบ

Living, Trends

“เรื่องบน