ticycity.com Contents Culture God's City สักการะ “พระองค์เจ้าวิลาส-ภิกษุณี” ชมกุฎิ “สุนทรภู่”
Culture God's City

สักการะ “พระองค์เจ้าวิลาส-ภิกษุณี” ชมกุฎิ “สุนทรภู่”

วัดเทพธิดารามวรวิหาร

วันนี้  Nai Mu กรูรูสายมูประจำสถานี God’s Cityจาก Ticy City จะพาลูกทัวร์มาลงที่ “วัดเทพธิดารามวรวิหาร” เพื่อสักการะ “พระองค์เจ้าวิลาส-ภิกษุณี” ชมกุฎิ “สุนทรภู่” เนื่องจากตอนนี้ละครไทยพีบีเอส กำลัง ออนละครเรื่อง “หม่อมเป็ดสวรรค์”  ทุกวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 น. 

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ พระนามเดิมคือ พระองค์เจ้าวิลาส

โดยเป็นเรื่องราวของเลสเบี้ยนที่มีตัวตนในแผ่นดินสมัยรัชกาลที่ 3ซึ่ง 2 ตัวละคร “หม่อมสุด-หม่อมขำ” เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ เนื่องจากทั้งสองเคยเป็นหม่อมห้ามในสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ กรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

และหลังจากที่สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพสวรรคต หม่อมทั้งสองได้ไปเป็นข้าหลวงในตำหนักของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ (นามเดิม พระองค์เจ้าวิลาส) 

วัดเทพธิดารามวรวิหารแห่งนี้ค่อนข้างเงียบสงบ ไม่พลุกพล่านเหมือนเช่นวัดอื่นๆ และหากสังเกตดีๆ จะพบว่า วัดแห่งนี้มีเรื่องราวเกี่ยวกับผู้หญิงค่อนข้างมาก   โดยวัดสร้างบนพื้นที่เรือกสวนไร่นาของพระยาไกรเพชรรัตนสงคราม จึงมีชื่อเดิมว่า  “วัดพระยาไกรสวนหลวง” พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้สร้างวัดนี้เมื่อ พ.ศ. 2379-2382 เพื่อพระราชทานแด่พระธิดาองค์โต ซึ่งก็คือ พระองค์เจ้าวิลาส นั้นเอง 

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และ พระองค์เจ้าวิลาส

พระองค์เจ้าวิลาส คือใคร? 

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ พระนามเดิมคือ พระองค์เจ้าวิลาส (ประสูติวันที่ 5 ธันวาคม 2354 สิ้นพระชนม์ วันที่  21 สิงหาคม 2388 สิริพระชันษา 33 ปี ) เป็นพระธิดาในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแด่เจ้าจอมมารดาบาง ทรงเป็นผู้รักษากุญแจพระคลังข้างใน และว่าการพนักงานต่างๆ จนถึงทรงกำกับแจกเบี้ยหวัดฝ่ายใน ทั้งยังทรงเป็น “นางแก้ว” หนึ่งในเจ็ดรัตนะประจำรัชกาลที่ 3  พระพุทธรูปประจำพระองค์ คือ ปางห้ามสมุทร ทรงมีพระอนุชาร่วมมารดาเดียวกันคือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าลักขณานุคุณ 

ทรงเป็นสตรีสูงศักดิ์ที่ทั้งเก่งและความคิดอ่านทันสมัย พระสิริโฉมงดงาม มีน้ำพระทัยโอบอ้อมอารีดุจเทพธิดา รักศิลปะทุกแขนง นิยมชมชอบในงานประพันธ์และบทกวีเป็นพิเศษ โดยมีกวี 2 ท่านที่ทรงอุปการะไว้คือ พระสุนทรโวหาร หรือ สุนทร(ภู่) และ กวีหญิง “คุณสุวรรณ” 

ท่านกวีทั้งสองของพระองค์เจ้าวิลาส

คุณสุวรรณ กวีหญิงผู้นี้ไม่เหมือนใคร มีงานไม่กี่เรื่อง เช่น พระมะเหลเถไถ (งานเสียดสี เขียนรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง แต่อ่านแล้วเข้าใจ)  , อณุรุทร้อยเรื่อง (นำเรื่องจากวรรณคดี 51 เรื่อง และ 144 ตัวละครมาร้อยเรื่องใหม่) , เพลงยาวหม่อมเป็ดสวรรค์ เป็นการบันทึกเรื่องราวของวิถีชีวิตของสาวชาววัง รวมถึงการ “เล่นเพื่อน” (หรือที่รู้จักกันและกล่าวขานกันในปัจจุบันนี้ว่าเลสเบี้ยน) 

โปสเตอร์ละคร “หม่อมเป็ดสวรรค์” เลสเบี้ยนในราชสำนัก (เรื่องจริงในตำหนักพระองค์เจ้าวิลาส)

ที่มาของชื่อ หม่อมเป็ดสวรรค์ นั้นเกิดขึ้นในคืนหนึ่งเมื่อหม่อมสุดอ่านกลอนถวายพระองค์เจ้าวิลาสเสร็จเรียบร้อย ก็คิดว่า เจ้านายหลับแล้ว  จึงดับเทียน เอาผ้าคลุมเข้ากอดจูบกับหม่อมขำ ซึ่งพระองค์เจ้าวิลาสทรงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด  และทรงตั้งชื่อเรียก หม่อมสุดว่า “คุณโม่ง” และ หม่อมขำว่า  “หม่อมเป็ด” เพราะท่าเดินกระมิดกระเมี้ยน! 

ผลงาน “คุณสุวรรณ” กวีหญิงในพระอุปถัมภ์ “พระองค์เจ้าวิลาส” 

อีกเรื่องหนึ่ง คือ เพลงยาวเรื่อง “พระอาการประชวร กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ” ซึ่งเป็นบันทึกช่วงที่พระองค์ทรงประชวรด้วยพระอาการตรีสัณทฆาฏ (เกิดเป็นเม็ดผุดขึ้นภายในบริเวณดี ตับ หรือลำไส้ ทำให้เป็นไข้ จุก เสียด ท้องพอง มีอาการคลั่งเพ้อประดูจผีเข้าสิง ถ้าเป็นนาน ๗-๙ วัน เลือดจะแตกออกทางทวารทั้ง ๙ ) ถ่ายเป็นเลือด  จุกเสียดบริเวณสะดือ เริ่มมีเลือดออกจากทวารต่างๆ ตั้งแต่ปี 2386 จนสิ้นพระชนม์เมื่อ  21 สิงหาคม 2388 สิริชันษา 33 ปี 

โดยหลังกรมหมื่นฯ สิ้นพระชนม์ลงเมื่อปี 2388  คุณสุวรรณต้องย้ายออกจากตำหนักตามประเพณี ทั้งยังถูกคนในยุคนั้นกล่าวหาว่า พิกลจริต (วิกลจริต) เข้าทำนองเสียจริต มีสติฟุ้งซ่านอีกด้วย

รูปหล่อพระภิกษุ สุนทร(ภู่) ในห้องแรงบันดาลใจไม่รู้จบ
กุฏิสุนทรภู่ ห้องใต้ร่มกาสาวพัสตร์

ส่วน สุนทรภู่ มหากวีสามัญชนสี่แผ่นดินแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ทางองค์การยูเนสโก ยกย่องเป็น บุคคลสำคัญของโลก ด้านวรรณกรรม เมื่อปี 2529 ในวาระ 200 ปีชาติกาล มีผลงานมากมาย เช่น นิราศเมืองแกลง (เรื่องแรก) ,  นิราศภูเขาทอง, นิราศสุพรรณ, กาพย์พระไชยสุริยา ฯลฯ และผลงานชิ้นเอกที่ทุกคนรู้จักกันดีคือ  พระอภัยมณี  ส่วนเรื่องสุดท้ายที่ท่านแต่งคือ รำพันพิลาป

วัดเทพธิดาราม มีอะไรน่าสนใจ 

สำหรับวัดเทพธิดารามมีอะไรน่าสนใจบางนั้น  Nai Mu ขอสรุปมาเป็นข้อๆ เพื่อความชัดเจน และสะดวกต่อการเข้ามาเยี่ยมชม

พระบรมสาทิสลักษณ์ : วัดแห่งนี้ ทั้งในอุโบสถ และพระวิหารของวัด จะมีพระพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ไว้บูชา

พระพุทธเทววิลาส (หลวงพ่อขาว) พระปฏิมาในพระอุโบสถ

พระพุทธเทววิลาส (หลวงพ่อขาว) พระปฏิมาในพระอุโบสถ สลักด้วยศิลายวง เนื้อขาวบริสุทธิ์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้อัญเชิญมาจากพระบรมมหาราชวัง เพื่อมาประดิษฐานอยู่เหนือเวชยันต์บุษบก ชื่อเดิมเรียก  “หลวงพ่อขาว” ต่อมาพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราชบรมนาถบพิตร ทรงเฉลิมพระนามว่า “พระพุทธเทววิลาส” (ตามหนังสือราชเลขาธิการที่ รล. ๐๐๐๒/๒๕๒๒ ลงวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๑๔ ส่วนพระแท่นเวชยันต์บุษบกนั้นจำลองแบบจากพระแท่นเวชยันต์บุษบกของท้าวสักกะเทวราช (พระอินทร์) สันนิษฐานว่า เป็นเครื่องแสดงพระอิสริยายศของกรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ องค์อุปถัมภ์วัดเทพธิดาราม

    ศาลาเรือนรับรองพระองค์เจ้าวิลาส

    พิพิธภัณฑ์สุนทรภู่  ระหว่างปีพ.ศ. 2383 – พ.ศ. 2385 ที่ได้บวชเป็นพระและจำพรรษาที่วัดแห่งนี้ ซึ่ง เป็นการบวชครั้งที่ 2 หลังจากเคยบวชครั้งแรกที่วัดราชบุรณราชวรวิหาร (วัดเลียบ)  โดยครั้งนี้เชื่อกันว่าเป็นการบวชลี้ภัยการเมือง ปัจจุบันกุฏิในอดีตของท่านที่เคยจำพรรษา ณ วัดแห่งนี้  ถูกปรับให้เป็น “พิพิธภัณฑ์”  รวบรวมเรื่องราวชีวิตและผลงานของท่าน แบ่งออกเป็น 4 ส่วนคือ ห้องแรงบันดาลใจไม่รู้จบ, ห้องมณีปัญญา, ห้องใต้ร่มกาสาวพัสตร์ และศาลาเรือนรับรองพระองค์เจ้าวิลาสที่มาประทับและรับหนังสือบทกวีต่างๆ ตลอดจนสนทนาธรรม 

      หมู่ 52 ภิกษุณีในวิหาร

      รูปหล่อหมู่ 52 ภิกษุณีในวิหาร ในจำนวนนี้เป็นอิริยบท นั่ง 49 รูป ยืน 3 รูป อยู่ในอิริยาบถต่าง ๆ หลากหลายท่า มีทั้งท่านั่งปฏิบัติธรรม ฟังธรรม ฉันหมาก สูบยา ยืนไหว้ นั่งพนมมือ เป็นต้น

      ตุ๊กตาหิน หญิงไทยโบราณ คุณแม่ห่มสไบ จูงและกระเตงลูก

      ศิลาหินแกะสลัก มีทั้งสาวจีนและสาวไทยห่มสไบให้เลือกชม ! 

        อย่างที่ Nai Mu ได้กล่าวไว้ว่า วัดเทพธิดารามวรวิหาร เกี่ยวข้องกับผู้หญิงอยู่มาก ดังนั้นควรที่เพศหญิงทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นบุคคลทั่วไปหรือภิกษุณีและอุบาสิกา ควรมากราบไหว้นมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อสร้างให้พลังหญิงของตนเองมีความแข็งแกร่ง และคุ้มภัยแก่ตนเอง ….

        Exit mobile version