ticycity.com Contents Trends Health ไขมันพอกตับ ภัยเงียบต้นตอสู่ “มะเร็งตับ”
Health Trends

ไขมันพอกตับ ภัยเงียบต้นตอสู่ “มะเร็งตับ”

สุขภาพตับ

ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งภาวะของโรคที่ตรวจพบมากเป็นอันดับ 1 ของคนไทย และเป็นภาวะที่ Ticy City เห็นว่าไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่งแม้จะไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ ก็ตามเมื่อเกิดภาวะ นี้ แต่ขอบอกว่านี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการนำไปสู่การเกิดโรคได้เช่นกัน ซึ่งภาวะที่ Ticy City กำลังเอ่ยถึงนี้ คือ ภาวะไขมันพอกตับ ภัยเงียบต้นตอสู่ “มะเร็งตับ” นั้นเอง 

ไขมันพอกตับ หรือไขมันเกาะตับ (Fatty Liver Disease) จัดอยู่ในกลุ่มของโรคที่เกิดจากการสะสมไขมันในตับที่มากเกินไป เฉลี่ยอยู่ที่ 5-10 % ซึ่งมักเป็นไขมันชนิดไตรกลีเซอไรต์ โดยเมื่ออยู่ในภาวะนี้จะไม่เกิดอาการเจ็บปวดใดๆ เลยดูเหมือนไม่เป็นอันตราย แต่ก็ต้องบอกว่านี่อาจเป็นภัยเงี่ยบที่นำไปสู่โรคอื่นๆ อย่างมะเร็งตับ ได้เช่นกัน การดูแลสุขภาพตับจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น

เพราะ “ตับ” เปรียบเสมือนหัวใจที่ 2 ของร่างกาย เป็นศูนย์กลางการทำงานของร่างกายและทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหากสุขภาพตับไม่ดี สุขภาพร่างกายก็จะไม่ดีตามไปด้วยเช่นกัน

จากกรณีศึกษาขององค์กรด้านการแพทย์และสุขภาพในปัจจุบัน ค้นพบดัชนีด้านสุขภาพและสุขภาวะของคนไทยที่เปลี่ยนไปและอยู่ในเกณฑ์ที่น่ากังวล โดยข้อมูลจาก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุว่า “ประชากรไทยกว่า 71 ล้านคน มีผู้ที่ป่วยในภาวะไขมันพอกตับโดยไม่รู้ตัว สูงถึง 25-30% หรือราวๆ 1 ใน 3 ของประชากรทั่วประเทศ ซึ่งส่งผลให้ต้องเผชิญกับภัยร้ายจากโรคตับ” สอดคล้องกับข้อมูลทางสถิติ โดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. พบว่า “มะเร็งตับ กลายเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย และมีอัตราเสียชีวิตสูงถึง 16,000 คนต่อปี” ทั้งนี้พบว่าผู้ป่วยเหล่านี้มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่สนใจต่อ “สุขภาพตับ” ปล่อยให้ตับพังขาดการดูแล อันมาจากหลายปัจจัย เช่น 

  • การกินอาหารที่มีไขมันสูง 
  • การกินอาหารที่มีรสหวานและน้ำตาลสูง 
  • การกินอาหารที่มากเกินความต้องการของร่างกายจนเกิดภาวะอ้วน 
  • การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 
  • การสูบบุหรี่และได้รับควันบุหรี่อยู่เป็นประจำ 

จากลักษณะดังกล่าว คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้มีข้อสรุปจากงานวิจัยพบว่า “ผู้ที่เป็นมะเร็งตับ ส่วนใหญ่พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงสูงถึง 2-5 เท่า ซึ่งมาจากการขาดวินัยในการดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง”

ทั้งนี้ แพทย์หญิงณัฐธิดา ศรีบัวทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินอาหารและตับ ได้มาแชร์ความรู้เรื่องของสุขภาพตับและระดับอาการของโรคตับที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้  

“โรคตับเป็นโรคที่พบมากขึ้นกับคนไข้ในปัจจุบัน อาการป่วยที่เกี่ยวกับโรคของตับมีอยู่หลายระดับ ซึ่งผู้ป่วยบางรายแทบไม่รู้ตัว หรือรู้ตัวช้าในตอนที่ร่างกายทรุดหนักแล้ว ซึ่งบางเคสก็อยู่ในเกณฑ์ที่น่าเป็นห่วง  โดยคนปกติที่มี ‘สุขภาพตับดี’ ตับจะมีผิวเรียบ สีชมพู และไม่มีแผลเป็น ซึ่งเมื่อมีไขมันสะสมอยู่ในเซลล์ตับ จุดนี้จะถือว่าเข้าสู่ภาวะ ‘ไขมันพอกตับ’ จากนั้น หากยังไม่ดูแลสุขภาพหรือได้รับการรักษา จนมีการอักเสบและก่อให้เกิดพังผืดไปสู่เนื้อเยื่อ ตับสูญเสียหน้าที่ถาวร ถือว่าเข้ามาสู่ภาวะ ‘ตับอักเสบ’ และหนักไปกว่านั้น เมื่อตับมีลักษณะขรุขระเต็มไปด้วยปุ่ม เซลล์ตับได้ถูกทำลาย นี่คืออาการของภาวะ ‘ตับแข็ง’ และเคสที่หนักที่สุดคือ ‘มะเร็งตับ’ เซลล์ตับมีการแบ่งตัวและเพิ่มจำนวนอย่างผิดปกติ ทำให้การรักษาผู้ป่วยนั้นเป็นไปได้ยาก ยิ่งสุขภาพตับพังมากเท่าไหร่ เมื่อได้รับการฟื้นฟูช้า ก็ทำให้การรักษาเป็นสิ่งที่หมอต้องทำการบ้านอย่างหนักมากขึ้น ทางที่ดีอยากให้ผู้ที่มีร่างกายปกติและผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับหันมาดูแลสุขภาพของตนเอง รวมถึงหมั่นตรวจสุขภาพร่างกายและตับอย่างเป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อทราบแนวทางดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงยาวนาน”

ในขณะเดียวกัน Ticy City ได้อ่านเจอข้อมูลของ “นิวทริไลท์” จาก แอมเวย์ ถึงวิธีดูแลสุขภาพตับให้ห่างไกลจากโรคตับซึงเป็นภัยร้ายใกล้ตัว ดังนี้

  1. เลือกรับประทานอาหารที่ดี มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปและอาหารปรุงแต่ง
  2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  3. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  4. หลีกเลี่ยงการซื้อยากินเอง รวมถึงอาหารเสริมที่ไม่มีแหล่งที่น่าเชื่อถือมากพอ
  5. หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง อาหารหวาน การกินอาหารที่มากเกินความต้องการของร่างกาย
  6. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซี โดยการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ไม่ใช้เข็มฉีดยาหรือของมีคมร่วมกับผู้อื่น
  7. เลือกกินอาหารหรือสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการดูแลตับ เช่น ‘สารสกัดจากบรอกโคลี’ ‘สารสกัดจาก
    ชะเอมเทศ’ และ ‘สารสกัดจากเมล็ดองุ่น’ ที่มีส่วนช่วยกำจัดสารพิษ ช่วยลดการอักเสบและการเกิดพังผืด
    ช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลินของเซลล์ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและปกป้องเซลล์ตับจากการถูกทำลาย รวมถึง
    ‘เลซิติน’ ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่พบได้ในไข่แดง ถั่ว ถั่วเหลือง นม เมล็ดทานตะวัน ตับ เนื้อสัตว์ บริวเวอร์ยีสต์ และอื่นๆ ที่มีส่วนช่วยในการลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือด ลดความดันโลหิต และมีส่วนช่วยในการลดการอักเสบของตับจากไขมันพอกตับได้

แม้อ่านดูแล้วหลายท่านอาจรู้สึกว่าก็เป็นเรื่องง่ายๆ ดูธรรมดา แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ถูกมองข้ามไปเช่นกัน ทั้งนี้ การดูแลสุขภาพและสุขภาวะให้เกิดบาลานซ์ที่ดี ต้องมีวินัยโดยเริ่มตั้งแต่การใช้ชีวิตประจำวัน การเคลื่อนไหวร่างกาย

การออกกำลังกาย การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสม ควบคู่การทานวิตามินหรือผลิตภัณฑ์ เสริมอาหารที่มีคุณภาพและจำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งนั้นก็มีส่วนที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ห่างไกลจากโรคร้ายอย่างปัญหาภาวะไขมันพอกตับและปัญหาที่มาจากโรคของตับได้ไม่ยาก

ข้อมูล :  นิวทริไลท์ จากแอมเวย์

ภาพ :  https://www.istockphoto.com/
#TicyCity#ตีซี้ซิตี้ #เมือง #City #Health #FattyLiverDisease #ไขมันพอกตับ #สุขภาพตับ #ไขมันเกาะตับ #มะเร็งตับ #สุขภาพ #นิวทริไลท์ #แอมเวย์ 

Exit mobile version