ticycity.com Contents Voice Movement ‘ดุสิตธานี กรุงเทพ’ ‘โรงแรมลักชัวรี่’ สัญชาติไทย เปิดแล้ว ยิ่งใหญ่ อลังการ
Movement Voice

‘ดุสิตธานี กรุงเทพ’ ‘โรงแรมลักชัวรี่’ สัญชาติไทย เปิดแล้ว ยิ่งใหญ่ อลังการ

‘โรงแรมลักชัวรี่’ สัญชาติไทย ‘ดุสิตธานี กรุงเทพ’ เปิดให้บริการแล้ว อย่างยิ่งใหญ่ อลังการ หรูหรา ตอบโจทย์ความต้องการของนักเดินทางยุคใหม่ พร้อมชูอัตลักษณ์ความเป็นดุสิตธานี

หนึ่งในตำนานโรงแรมลักชัวรี่สัญชาติไทย ดุสิตธานี กรุงเทพ เผยโฉมอีกครั้งอย่างสวยงาม อลังการ เคียงข้าง สวนลุมพินี สาธารณะที่ใหญ่ที่สุดใจกลางกรุงเทพ พร้อมห้องพักใหม่ หรูหรา ผสานการบริการอย่างไทย ให้เป็นหมุดหมายของกรุงเทพ ตอบโจทย์นักเดินทางยุคใหม่

โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ สถานที่แห่งความทรงจำ เปิดเมื่อปี พ.ศ.2513 (ค.ศ. 1970) ชื่อนี้บ่งบอกถึงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันดีงาม สถานที่ที่ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยว บุคคลสำคัญทั้งไทยและระดับโลก ด้วยการบริการแบบไทยที่อบอุ่น และมีนํ้าใจ รวมทั้งเป็นสถานที่ที่จารึกผลงานทางศิลปะ สถาปัตยกรรมและจิตรกรรมจากอดีตถึงปัจจุบันไว้อย่างมากมาย

ศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า 

“ด้วยเจตจำนงค์และความตั้งใจของ ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ผู้ก่อตั้งโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ที่มุ่งมั่นยกระดับธุรกิจโรงแรม และการท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยท่านไม่เพียงแต่สร้างโรงแรมที่มีความโดดเด่น และสะท้อนความงดงามของกรุงเทพฯ เท่านั้น แต่ยังได้นำเอา อัตลักษณ์ความเป็นไทยรูปแบบต่าง ๆ มานำเสนอ และสร้างสรรค์จนเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลกอีกด้วย 

จากวันนั้นจนถึงวันนี้แม้เวลาผ่านมามากกว่าครึ่งศตวรรษ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ก็ยังเป็นโรงแรมอันดับต้น ๆ ที่ยังสืบทอด และอนุรักษ์ศิลปะความเป็นไทยเอาไว้ได้อย่างงดงาม หน้าที่สำคัญของพวกเราในวันนี้นอกเหนือจากการสร้างโรงแรมดุสิตธานีใหม่ที่ร่วมสมัยแล้วนั้น เราต้องการส่งต่อศิลปะทั้งสถาปัตยกรรม และจิตรกรรมอันทรงคุณค่าเหล่านี้เพื่อเก็บรักษาไว้เป็นมรดกทางศิลปวัฒนธรรมไทยจากรุ่นสู่รุ่น และมอบคุณค่าทางจิตใจให้กับลูกค้า และแขกผู้มาเยือนที่มีความรักความผูกพันกับ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ต่อไปอย่างยาวนาน 

และนี่คือเหตุผลหลักที่ทำให้ในช่วงเวลาที่เราปิดโรงแรมในปี พ.ศ.2562 เราได้เชิญคณะอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ และทีมงานจากมหาวิทยาลัยศิลปากร มาร่วมกันเก็บบันทึกส่วนต่าง ๆ ที่ทรงคุณค่า และควรแก่การอนุรักษ์จนได้เป็นผลงานมากมาย โดยเราขอหยิบยกเอา 9 อัตลักษณ์อันโดดเด่นที่บ่งบอกถึงความเป็นดุสิตธานีได้มากที่สุดมาเล่าสู่กันฟัง 9 ชิ้นงาน”

วันนี้อัตลักษณ์ที่ทรงคุณค่าแห่งความทรงจำเหล่านั้น กลับมาถ่ายทอดอีกครั้งใน 9 อัตลักษณ์ ความเป็นดุสิตธานี ได้แก่

1) ยอดเสาสีทอง Golden Spire สัญลักษณ์แห่งความทรงจำ ยอดเสาปลายแหลมสีทองบนยอดตึก ออกแบบครั้งแรกเมื่อกว่า 50 ปีที่แล้ว โดยสถาปนิกญี่ปุ่น Mr. Yozo Shibata จากบริษัท Kanko Kikaku Sekkeisha (KKS) ได้แรงบันดาลใจมาจาก ยอดของพระปรางค์ วัดอรุณราชวราราม จนกลายเป็นอัตลักษณ์สำคัญที่ใครเห็นก็ล้วนทราบว่าสถานที่แห่งนี้ คือ เมืองดุสิตธานี และด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำให้อัตลักษณ์สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยที่ยังคงมีความสวยงาม และดึงดูดสายตาของคนไทยและคนทั่วโลก เราจึงได้สร้างสรรค์ ยอดเสาใหม่ที่มีลักษณะโปร่งเพื่อยังคงมองเห็นยอดเสาสีทองเดิมด้านในอย่างชัดเจน โดยมีความสวยงามร่วมสมัยมากขึ้น และมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเพื่อให้เกิดความสมดุลกับขนาดของอาคารโรงแรมใหม่ 39 ชั้น เสมือนเป็นจุดเชื่อมต่อแห่งยุคสมัยที่ยังคงรักษามรดกที่สืบต่อมาอย่างยาวนาน และกลับมาเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ เหมือนที่เคยเป็นมา

 2)  ห้องไลบรารี (Library 1918) สถานที่รำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ก่อนที่จะมาเป็น ห้องไลบรารี่ ห้องนี้เคยเป็นห้องอาหารอิตาเลียน และห้องจัดเลี้ยงนํ้าชาที่จัดถวายเป็นพระบรมราชานุสรณ์ ในรัชกาลที่ 6 ภายหลังเมื่อได้ปรับมาเป็นห้องประชุมจึงได้ออกแบบให้ภายในห้องตกแต่งด้วยหัตถศิลป์งานฉลุไม้ที่สง่างาม ประดับตกแต่งด้วยพระบรมฉายาลักษณ์ และมีข้าวของเครื่องใช้ในองค์รัชกาลที่ 6 ซึ่งของสะสมต่าง ๆ เหล่านี้ถือเป็นการเทิดพระเกียรติองค์รัชกาลที่ 6 ในฐานะผู้สร้างเมืองจำลองดุสิตธานีขึ้น เพื่อใช้ทดลองการปกครองระบอบประชาธิปไตยในปี ค.ศ.1918  (พ.ศ.2461) ห้องดังกล่าวใช้สำหรับการจัดงานขนาดเล็กในโอกาสต่าง ๆ อาทิ พิธีหมั้นแบบไทย การจัดเลี้ยงรับรองเป็นการส่วนพระองค์แก่ราชวงศ์ และบุคคลสำคัญชั้นนำทั้งจากไทยและต่างประเทศ

 3)  ต้นไม้แห่งความทรงจำ (Trees from Original Dusit Thani Bangkok) ต้นไม้ต้นแรกที่ ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ปลูกไว้ การกลับมาของสวนไม้เมืองร้อนที่สะท้อนมาตรฐานการดูแลจากต้นนํ้าสู่ปลายนํ้า ตอกยํ้าวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวและสร้างพื้นที่พักใจให้กับผู้ที่มาพักอาศัย สะท้อนการดูแลอย่างใส่ใจทั้งโครงการรวมถึงต้นไม้ ทางโครงการฯ ได้รักษา ต้นลีลาวดี ที่ท่านผู้หญิงชนัตถ์เป็นคนปลูกบริเวณนํ้าตก โดยได้ย้ายไปอนุบาลไว้ในระหว่างการก่อสร้างโครงการฯ และเมื่ออาคารของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ต้นไม้แห่งความทรงจำนี้จึงนำมาปลูกไว้ภายในโครงการฯ ตามเดิม 

อีกหนึ่งความตั้งใจของ คุณชนินทธ์ โทณวณิก คือการพัฒนาที่ดินให้ควบคู่ไปกับการพัฒนาเมืองและชุมชน จึงออกแบบให้โครงการฯ มี Roof Park หรือพื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้นอีก 7 ไร่ เพื่อให้ส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่สาธารณะให้ทุกคนสามารถเข้าถึงได้และใช้เป็นพื้นที่เพื่อการพักผ่อนและสันทนาการ

4) นํ้าตก (Signature Cascading Waterfall) หนึ่งในซิกเนเจอร์ของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ คือ นํ้าตก 9 ชั้น ที่สร้างความสงบและร่มเย็นต้อนรับนักท่องเที่ยวและแขกผู้มาเยือน นํ้าตกแบ่งระดับชั้นเป็น 3 ชั้น (ด้านบน) หมายถึง ไตรภูมิทั้ง 3 โลก และ 6 ชั้น (ด้านล่าง) หมายถึง สวรรค์ 6 ชั้น เมื่อนำทั้งสองเลขมารวมกันจะได้เป็นเลข 9 ตัวเลขมงคลที่ท่านผู้หญิงชนัตถ์ ปิยะอุย ผู้ก่อตั้งโรงแรมให้ความสำคัญ 

โดยนํ้าตกรายล้อมด้วยมวลบุปผชาตินานาชนิด การกลับมาครั้งใหม่นี้ นํ้าตกสวรรค์ชั้นดุสิต จะกลับมาสร้างความร่มรื่น และสดชื่นให้กับผู้พักอาศัยบนพื้นที่ที่ใหญ่ขึ้นและสมบูรณ์แบบกว่าเดิม

5) Golden Façade กรอบอาคารมงคลสีทอง ในหลาย ๆ ส่วนของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ยังสอดแทรกความหมายและความมงคลเอาไว้อย่างครบถ้วนโดยเฉพาะส่วนด้านหน้าของอาคาร หรือ กรอบอาคาร (Golden Façade) ที่สร้างสรรค์ผ่านการวางสมมาตรตามศาสตร์ฮวงจุ้ยเพื่อเสริมมงคล แรงบันดาลใจมาจากกรอบอาคารสีทองเดิมแต่นำมาปรับรูปแบบใหม่ให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น และเมื่อเวลาแขกถ่ายรูปจากห้องพัก ตัวกรอบอาคารนี้จะทำหน้าที่เป็นกรอบรูปสีทอง (Golden Photography Frame) ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นพร้อมรับ Panoramic View ของสวนลุมพินีได้อย่างเต็มตา เกิดเป็นช่วงเวลาสุดพิเศษให้ทุกครั้งที่กลับมาดูรูปจะจดจำได้ว่าครั้งหนึ่งเคยมาพัก ณ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ 

6)  เพดานล็อบบี้ (Signature Lobby’s Ceiling) ดีไซน์ฝ้าเพดานหลุมในบริเวณล็อบบี้ชั้นล่างของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ แห่งใหม่ เป็นการสร้างสรรค์ที่ผสานความทันสมัยแบบใหม่ และอัตลักษณ์ของรูปทรงฝ้าดั้งเดิมของโรงแรมเข้าด้วยกัน โดยดีไซน์ให้เป็นฝ้าขั้นบันไดทรงสี่เหลี่ยมสีทอง ซึ่งต่อเนื่องมาจากบริเวณ drop off ด้านนอกเข้าจนถึงด้านใน lobby ผสานกับการออกแบบแสงไฟที่ลงตัวเพื่อให้เกิดมิติด้านความงดงามอย่างลงตัว ทั้งหมดนี้จะส่งเสริมให้เกิดเอกลักษณ์กับพื้นที่สำหรับรับรองแขกคนสำคัญ และสร้างการจดจำที่ประทับใจในทุกครั้งที่ได้มาเยือน

7)  ผนังตกแต่ง (Decorative Lobby’s Screens) เส้นโค้งที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “สินเทา” งานจิตรกรรมฝาผนังแบบดั้งเดิมของไทย ทว่ามีการปรับเปลี่ยนให้เป็นรูปทรงที่ดูคล้ายก้อนเมฆเพื่อสื่อถึงแนวคิดเรื่องสรวงสวรรค์ที่เชื่อมโยงกับความหมายตามชื่อ “ดุสิต” สะท้อนความสง่างามที่จะสะกดสายตาผู้มาเยือนทุกคน 

สำหรับผืนภาพภายในได้หยิบยกความสวยงามของโครงสร้างฝ้าเพดาน และเสาที่โดดเด่นเป็นอัตลักษณ์ของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ แห่งเดิมมาเป็นแรงบันดาลใจ ที่นับเป็นสถาปัตยกรรมตกแต่งงดงามตามเอกลักษณ์วัฒนธรรมไทยร่วมสมัย ออกแบบจากผลงานจิตรกรรมรูปสระบัวของ ขรัวอินโข่ง ศิลปินชาวไทยผู้มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับอย่างสูงในช่วง ค.ศ.1850 – 1860 (พ.ศ.2393 – 2403) โดยสะท้อนความหมายของดอกบัวซึ่งเป็นสัญลักษณ์เครื่องบูชา และความดีงามของพระพุทธศาสนา จากการที่ดอกบัวจะผุดขึ้นสู่แสงสว่างและความอบอุ่น ซึ่งเป็นนัยสื่อแทนการตรัสรู้ และด้วยแนวคิดการออกแบบซึ่งมีที่มาจากการเติบโตของบัวเช่นนี้ ดีไซน์ดังกล่าวจึงสื่อถึงจินตนาการดุจดั่งกำลังเดินอยู่เบื้องล่างของสระบัว

8)  เสาเบญจรงค์ (Benjarong Pillars) อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่อยู่คู่โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ มานาน 50 กว่าปีคือ เสาเบญจรงค์ เสาเอกขนาดใหญ่ 2 ต้น ที่มีนํ้าหนักรวมกว่า 10 ตัน นับเป็นผลงานศิลปะที่ดำรงไว้เพื่อสะท้อนความเป็นเมืองดุสิตธานี ได้นำกลับมาเป็นอัตลักษณ์เพื่อเชื่อมรอยต่อของประวัติศาสตร์อีกครั้ง ด้วยความวิจิตรของตัวเสาในลวดลายจิตรกรรมไทย  ผลงานระดับมาสเตอร์พีซ โดย “ท่านกูฏ” อาจารย์ไพบูลย์ สุวรรณกูฏ ศิษย์รุ่นแรกของอาจารย์ศิลป์ พีระศรี ที่ใช้เวลาค้นคว้าหาข้อมูล และถอดความหมายจากภาพจิตรกรรมวัดโพธิ์ ทั้งการใช้สี และลวดลายก่อนลงมือเพนต์จริง นับว่าเป็นผลงานที่เชื้อเชิญให้ผู้ที่มาเยือนเข้ามาสัมผัสวัฒนธรรมไทยอย่างเต็มเปี่ยมตามที่ทางโครงการมุ่งมั่นรักษาคุณค่าความเป็นไทยแบบดั้งเดิมไว้

 9)  ห้องไทยเฮอริเทจ สวีท (Heritage Suite) จากอดีตถึงปัจจุบัน ห้องสวีทที่โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ นับว่าเป็นต้นแบบความเป็นไทยที่แท้จริงไม่ว่าชาวไทยหรือชาวต่างชาติ ต่างก็หลงใหลตั้งแต่แรกเข้าพัก โดยมีเอกลักษณ์ของการออกแบบบวกกับการตกแต่งห้องที่รังสรรค์อย่างประณีตบรรจงผ่านการสอดแทรกวัฒนธรรมและความเป็นอยู่อย่างไทยในแบบฉบับของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ 

อาทิ การนำเอาเอกลักษณ์ความเป็นไทยอย่าง ลายลูกฟักและผนังไม้ฝาปะกนบ้านไทย มาร่วมตกแต่งภายในห้อง บริเวณหัวเตียงที่ยังคงใส่ใจในรายละเอียดด้วยการเพิ่มลวดลายที่ปักด้วยมือทุกชิ้น สื่อความหมายถึงสรวงสวรรค์ และเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีรูปร่างโค้งนุ่มนวลแบบไทยเพื่อทำให้องค์ประกอบของห้องดูร่วมสมัยมากขึ้น 

การกลับมาใหม่ครั้งนี้ ห้องพักทั้ง 257 ห้องจะมีขนาดใหญ่ขึ้น และทั้งหมดสามารถมองเห็นความร่มรื่นของสวนลุมพินีได้อย่างเต็มตาผ่านช่องหน้าต่างที่เป็นกระจกบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดาน ซึ่งตกแต่งด้วยขอบสีทองหรูหราเพื่อสื่อถึงภาพความทรงจำที่น่าประทับใจ และยังเสริมความพิเศษด้วยพื้นที่พักกายชมวิวริมหน้าต่างเพื่อให้ผู้พักอาศัยความผ่อนคลาย และชื่นชมความงดงามของธรรมชาติกับบรรยากาศอันแสนสงบจากภายในห้องพัก 

การตกแต่งภายในของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ ออกแบบจาก André Fu Studio ที่ได้รับการยกย่องและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล โดยการออกแบบได้คำนึงถึงความต่อเนื่องจากอดีตสู่ปัจจุบันอย่างลงตัว สื่อความหมายของคำว่า Heritage ได้อย่างสมบูรณ์

โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ โรงแรมลักชัวรี่ 5 ดาว ในความสูง 39 ชั้น ห้องพักและห้องสวีททั้งหมด 257 ห้อง ด้วยขนาดห้องที่กว้างขวางเริ่มต้นที่ 50 ตร.ม. ในห้องดีลักซ์ ห้องพรีเมียร์ ให้ชมทัศนียภาพอันเขียวขจีของสวนลุมพินี วิวเมืองอันงดงาม และเส้นขอบฟ้าของกรุงเทพมหานครอย่างเต็มที่ในทุก ๆ ห้อง ผ่านกรอบหน้าต่างสีทองที่ออกแบบเสมือนกรอบภาพขนาดใหญ่ ให้ทุกการพักผ่อนเหนือระดับ แตกต่างและหรูหราสง่างามแนวร่วมสมัยที่ผสานกลิ่นอายแบบไทย ควบคู่ไปกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ สอดคล้องกับมาตรฐานสากลพร้อมความสะดวกสบายอย่างเต็มที่

โซนต่าง ๆ เปิดประสบการณ์พักผ่อนเหนือระดับในเฟสแรก อาทิ ห้องจัดงานประชุม สัมมนา ห้องจัดงานเลี้ยง ซึ่งรวมถึง ห้องนภาลัย แกรนด์ บอลรูม ในส่วนของบริการอาหารและเครื่องดื่ม ส่วนที่เปิดแล้วมีอาทิ

แกรนด์ ล็อบบี้ บาร์ รื่นรมย์กับชุดน้ำชายามบ่าย ซิกเนเจอร์จากดุสิตธานี กรุงเทพ และรายการอาหารว่างคาวหวาน ต้นตำรับไทยอีกหลายรายการ พร้อมผ่อนคลายกับสวนน้ำตก 9 ชั้น สามารถมองเห็นได้ทั่วบริเวณตั้งแต่ชั้นล่าง จนถึงชั้นที่ 3 ของโรงแรม 

ห้องอาหารพาวิลเลี่ยน ให้บริการอาหารไทยและจีนกวางตุ้งสูตรต้นตำรับที่รังสรรค์อย่างพิถีพิถัน เพื่อส่งมอบความอร่อยในทุกวัน

ดุสิตกูร์เมต์ บรรยากาศสบาย ๆ เต็มไปด้วยความรื่นรมย์กับสวนน้ำตกที่มอบความสดชื่นตลอดทั้งวัน นำเสนอขนมอบ เบเกอรี่สดใหม่พร้อมเครื่องดื่มนานาชนิด และยังมีรายการอาหารไทย เอเชี่ยน และตะวันตกแบบรับประทานจานเดียว อาทิ ข้าวซอย ข้าวกะเพราเนื้อวากิว เบอร์เกอร์นานาชนิด สามารถเลือกจับคู่ขนมปังและไส้ได้ตามความชอบ 

อีกหนึ่งไฮไลต์ของดุสิตกูร์เมต์ คือ ชุดอาหารเช้าที่ให้บริการตลอดทั้งวัน สำหรับท่านที่รักเมนูอาหารเช้าและสะดวกที่จะรับประทานในเวลาใดก็ได้ตามความพึงพอใจ

ห้องอาหารและบาร์อื่น ๆ นำทีมโดยเชฟมากความสามารถ จะทะยอยเปิดให้บริการเพิ่มเติมในเดือนพฤศจิกายนนี้ สำหรับท่านที่รักสุขภาพมีบริการเวลเนสและสปาแบบครบวงจรเพื่อความผ่อนคลายใจกลางเมือง จะเปิดให้บริการในปลายเดือนตุลาคม 2567

เพื่อเป็นการต้อนรับการกลับมาเปิดบริการอีกครั้ง โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ มอบประสบการณ์ ลีมูซีน รับ-ส่งสนามบินเหนือระดับ กับรถปอร์เช่  Panamera 4 E-Hybrid Executive นับได้ว่าเป็นโรงแรมแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นโรงแรมแรกในประเทศไทย ที่นำรถปอร์เช่ รุ่น  Panamera 4 E-Hybrid Executive มาให้บริการเป็นรถรับ-ส่ง สำหรับแขกที่จองห้องพักแบบคลับรูมหรือห้องสวีท 

โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ เปิดแล้วอย่างยิ่งใหญ่ สวยงาม อลังการ ข้อมูลเพิ่มเติมที่ dusit.com/Bangkok 

#ticycity #ดุสิตธานีกรุงเทพ #โรงแรมดุสิตธานี #สวนลุมพินี #อัตลักษณ์ความเป็นไทย #DusitThaniBangkok #โรงแรมลักชัวรี่

Exit mobile version